top of page
ค้นหา

คลอดธรรมชาติ บล็อคหลัง คืออะไร ทำไมคุณแม่สมัยใหม่ต้องรู้จัก



คลอดธรรมชาติ บล็อคหลัง เรียกได้ว่าเป็นคำที่ค่อนข้างได้ยินกันอย่างหนาหูในวงการคุณแม่ใกล้คลอดค่ะ เนื่องจากหลายคนอาจกำลังสงสัยเกี่ยวกับการคลอดด้วยวิธีการบล็อกหลัง ซึ่งเป็นกระบวนการคลอดบุตรที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเหล่าคุณแม่มือใหม่ และเป็นวิธีการคลอดที่คุณหมอมักจะแนะนำให้แก่คุณแม่ที่กลัวการคลอดหรือกังวลกับความเจ็บระหว่างคลอดนั่นเอง


อย่างไรก็ตาม ในสมัยก่อน วิธีการบล็อคหลัง มักจะใช้กับคุณแม่ผ่าคลอดเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันได้มีการนำมาใช้ร่วมกับการคลอดธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น ตามมาดูไปพร้อม ๆ กันค่ะ


คลอดธรรมชาติ บล็อคหลัง คืออะไร ปัจจุบันสามารถคลอดโดยใช้วิธีนี้ได้หรือไม่?


อาการเจ็บท้องคลอด ใครไม่เคยมีประสบการณ์ย่อมไม่รู้ถึงความรู้สึกนี้ ความไม่รู้นี่เองทำให้คุณแม่วิตกกังวล ขอให้สบายใจว่า การเตรียมร่างกายให้แข็งแรง การฝึกลมหายใจ บล็อกหลัง หรือ การฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง และการฉีดยาระงับปวดทางเส้นเลือดดำ ล้วนเป็นเทคนิควิธีทางการแพทย์ที่จะช่วยลดอาการเจ็บครรภ์ให้คุณแม่ได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่คุณแม่หลาย ๆ คนต้องการบล็อคหลังก่อนการคลอดนั่นเองค่ะ


คลอดธรรมชาติ VS คลอดธรรมชาติแบบบล็อคหลัง คลอดแบบไหนดีกว่ากัน?


ถือว่าเป็นวิธีพื้นฐานในการคลอดที่คุณแม่รู้จักกันดีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการคลอดแบบธรรมชาติ และ การผ่าคลอด ซึ่งจากที่ได้กล่าวไปข้างต้นเกี่ยวกับการบล็อคหลังที่มักจะถูกใช้กับการผ่าคลอดมากกว่า แต่ในปัจจุบันได้มีการนำเทคนิคนี้มาใช้ร่วมกับการคลอดธรรมชาติ บทความนี้ครูก้อยจึงจะพาคุณแม่ทุก ๆ คนมารู้จักการคลอดธรรมชาติในมุมที่ลึกขึ้นกันค่ะ โดยมีข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้


คลอดธรรมชาติ คืออะไร...


การที่คุณแม่เบ่งคลอดเองทางช่องคลอดถือว่าเป็นการคลอดตามธรรมชาติหรือการคลอดปกติ ซึ่งส่วนมากก็มักจะลงเอยด้วยความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยที่คลอดออกมา แต่ ก็มีคุณแม่บางกลุ่มที่คลอดเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องมือ เช่น คีม หรือเครื่องดูดสุญญากาศช่วยคลอดออกมา กรณีนี้มักจะพบในกรณีที่คุณแม่ไม่มีแรงเบ่ง เบ่งไม่เป็น หรือหัวของลูกหมุนผิดตำแหน่ง แทนที่จะก้มหัวคลอดออกมา กลับแหงนหน้าออกมาแทน


การคลอดธรรมชาติ มีกี่ระยะ?


การคลอดธรรมชาติ มี 4 ระยะ โดยแต่ละระยะมีข้อแตกต่างกันดังนี้


คลอดธรรมชาติ ระยะที่ 1 เจ็บครรภ์จริง


เริ่มตั้งแต่ คุณแม่เริ่มมีอาการเจ็บครรภ์ร่วมกับปากมดลูกเปิดตั้งแต่ 1 เซนติเมตร จนถึง 10 เซนติเมตร ซึ่งคุณแม่ส่วนใหญ่ ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล ในห้องรอคลอดแล้ว เพื่อให้แพทย์พยาบาลได้ประเมินความก้าวหน้าของการคลอดเป็นระยะ โดยรวมแล้ว ระยะนี้ จะยาวนานไม่เกิน 12 ชั่วโมง


คลอดธรรมชาติ ระยะที่ 2 เบ่งคลอด


เป็นระยะที่ ปากมดลูกเปิดครบ 10 เซนติเมตรแล้ว และปากมดลูกมีความบางตัวลง ทารกเริ่มเคลื่อนศีรษะเข้าสู่ช่องเชิงกราน คุณแม่จะรู้สึกตุง ๆ และเริ่มมีลมเบ่งตามธรรมชาติเป็นระยะ ๆ ซึ่งคุณหมอและคุณพยาบาลประจำห้องคลอด จะคอยกำกับ ให้สัญญาณว่า เมื่อไหร่ควรเบ่ง คุณแม่ควรออกแรงเบ่งเมื่อมีลมเบ่งตามธรรมชาติ ไม่ควรเบ่งตามใจฉัน เพราะอาจทำให้ปากมดลูกบวมในระยะนี้ได้ คุณแม่ส่วนใหญ่ จะใช้เวลาในการเบ่งคลอดประมาณ 20 นาทีเท่านั้น สำหรับคุณแม่ครรภ์แรกอาจกินเวลามากกว่าปกติ แต่ไม่ควรเกิน40นาที


คลอดธรรมชาติ ระยะที่ 3 คลอดรก


จะเริ่มตั้งแต่ลูกน้อยคลอดออกมาจนกระทั่งรกคลอด ซึ่งจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ถ้าเกิน 30 นาทีจะต้องช่วยโดยการล้วงรก


คลอดธรรมชาติ ระยะที่ 4 สังเกตอาการหลังคลอด


นับจากการคลอดรกเสร็จแล้ว 2 ชั่วโมง ระยะนี้คุณแม่ยังคงไม่ออกจากห้องคลอด เพราะคุณหมอกำลังทำการเย็บซ่อมแซมแผลฝีเย็บ และตรวจเช็คความผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะ ภาวะตกเลือดหลังคลอด เมื่อคุณแม่อยู่ในภาวะปกติแล้ว แพทย์จะส่งคุณแม่ไปแผนก หลังคลอดเพื่อเตรียมความพร้อมในการให้นมบุตรเป็นลำดับต่อไป สำหรับคุณแม่ที่มีภาวะแทรกซ้อน จะต้องอยู่ต่อในห้องสังเกตอาการ จนกว่าทุกอย่างจะเป็นปกติ


การคลอดธรรมชาติในปัจจุบันมีทางเลือกเพิ่มขึ้น เพื่อให้คุณแม่ที่อยากคลอดเองแต่ไม่อยากเจ็บปวด วิธีคลอดธรรมชาติโดยใช้ยาลดความเจ็บปวดเข้ามาช่วย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยม แต่ ... ก็มีข้อเสียอยู่มาก คุณแม่ควรศึกษาและคำนึงให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ โดยรายละเอียดมีดังต่อไปนี้


คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลังไม่ต้องทนเจ็บดีไหม?


การเลือกคลอดธรรมชาติแบบไม่ต้องทนเจ็บทรมาน ทางการแพทย์ เรียกว่า คลอดเอง + บล๊อคหลัง ( Painless labor) พบมากในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่มีอุปกรณ์ครบครัน และถูกนำมาจัดเป็นแพ็คเกจคลอดแบบต่าง ๆ ให้คุณแม่ได้เลือกคลอดหลากหลายขึ้น ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังที่จะพูดถึงในลำดับต่อไปค่ะ วิธีการคลอดเอง + บล็อคหลังนี้ เป็นการทำเพื่อลดความเจ็บปวดทรมานของแม่ขณะรอคลอด โดยใช้วิสัญญีแพทย์จะให้ยาระงับความเจ็บปวดผ่านไขสันหลังเพื่อให้เกิดการชาบริเวณส่วนเอวลงไป จึงไม่รู้สึกเจ็บขณะเบ่งคลอด เป็นที่มาของคำว่า คลอดเองเเบบไม่เจ็บนั่นเอง การคลอดธรรมชาติแบบไม่เจ็บ มีการใช้ยาช่วยลดอาการเจ็บปวด 2 แบบดังนี้


1. คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลัง ชนิด spinal block


วิสัญญีแพทย์ จะแทงเข็มเข้าไปที่บริเวณหลังส่วนล่างของคุณแม่ ซึ่งเข็มจะเจาะผ่านกระดูกไขสันหลังชั้น Dura ตรงเข้าไปยังแนวไขสันหลังทันที คุณแม่ส่วนมากจะรู้สึกชาตั้งแต่ช่วงเอวลงไป ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพในการเบ่งคลอดลดลงด้วย การบล็อกหลังแบบ Spinal มักจะใช้ช่วงทารกใกล้คลอดเนื่องจากยามีฤทธิ์อยู่ได้ในช่วงสั้นเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น หลังการทดสอบว่ายาชาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว สูติแพทย์ ก็จะปล่อยให้เข้าสู่กระบวนการคลอดตามธรรมชาติ


โดยสูติแพทย์ จะคอยตรวจภายในเพื่อประเมินการเปิดของปากมดลูกร่วมด้วย หากพบว่า ถึง 10 เซนติเมตร พร้อมคลอดเเล้ว ทีมแพทย์ จะช่วยให้คุณแม่ออกแรงเบ่ง เรียกว่า “การเชียร์เบ่ง” คุณแม่ต้องออกเเรงเบ่งตามสัญญาณของแพทย์ เนื่องจากฤทธิ์ของยาชา ทำให้คุณแม่อาจไม่รับรู้ถึงจังหวะการหดรัดตัวของมดลูกแบบธรรมชาติ ต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์ผู้ทำคลอดเท่านั้น และเบ่งตามจังหวะที่แพทย์ บอกเท่านั้น ป้องกันปากมดลูกบวม เบ่งไม่กี่นาทีก็คลอดแล้วค่ะ…ยกเว้น กรณีการคลอดล้มเหลว แม่ไม่มีแรงเบ่ง คลอดยาก แพทย์จะพิจารณาใช้เครื่องมือช่วยคลอดร่วมด้วย เช่น คีมช่วยคลอด หรือ เครื่องดูดสุญญากาศ ขึ้นอยู่กับอาการของคุณแม่แต่ละคน


ข้อดี คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลัง ชนิด spinal block

  • ไม่ต้องทนความเจ็บปวด

  • spinal block ยาออกฤทธิ์เร็วมาก 1-2 นาที สามารถลดความเจ็บปวดได้

  • ลดความกลัวในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่วางแผนคลอดธรรมชาติ

  • เป็นทางเลือกหนึ่งที่คุณแม่ต้องการคลอดเองไม่เจ็บตัวฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น

ข้อเสีย คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลัง ชนิด spinal block

  • ฤทธิ์ของยาค่อนข้างสั้น มีโอกาสต้องให้ยาเพิ่มครั้งที่ 2

  • คุณแม่อาจมีอาการปวดศีรษะขณะที่แพทย์แทงเข็มเข้าไปในไขสันหลัง

  • คุณแม่อาจมีอาการข้างเคียง เช่น สั่น คันตามผิวหนัง คลื่นไส้ อาเจียน

  • ปากมดลูกบวม เนื่องจากไม่รู้จังหวะเบ่ง


2. คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลัง ชนิด Epidural


การบล๊อคหลังแบบ Epidural นี้เป็นวิธีที่นิยมในการใช้ยาระงับความเจ็บปวด ส่วนมากจะทำในคุณแม่ที่มาโรงพยาบาลและพบว่าปากมดลูกเปิดมากกว่า 3 เซนติเมตรแล้ว และต้องการคลอดเองแต่ไม่อยากเจ็บ หรือทนความเจ็บปวดไม่ได้ วิสัญญีแพทย์จะแทงเข็มซึ่งภายในมีหลอดนำยาขนาดเล็กเข้าไปในกระดูกสันหลังของคุณแม่ หลอดน้ำยาจะค้างอยู่ข้างในและค่อย ๆ ปล่อยยาชาอย่างต่อเนื่องออกไปควบคุมชั้นผิวหนังของไขสันหลังที่เรียกว่า Dura การออกฤทธิ์ของยาทำให้หมดความรู้สึก เช่นเดียวกันค่ะ หลังจากปากมดลูกเปิดกว้างครบ 10 เชนติเมตร พร้อมเข้าสู่กระบวนการคลอดเเล้ว ทีมแพทย์ ก็จะช่วยคุณแม่ด้วยการเชียร์ตามจังหวะการหดตัวของมดลูก ไม่นานคุณแม่ก็คลอดเบบี๋ออกมา


ข้อดี คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลัง ชนิด Epidural

  • ไม่ต้องทนความเจ็บปวด

  • Epidural Block ยาออกฤทธิ์เร็วมาก เพียง 5 นาที ก็สามารถลดความเจ็บปวดได้

  • ลดความกลัวในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่วางแผนคลอดธรรมชาติ

  • เป็นทางเลือกหนึ่งที่คุณแม่ต้องการคลอดเองโดยไม่เจ็บตัว ฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น


ข้อเสีย คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลัง ชนิด Epidural

  • ผลข้างเคียงจากการ คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลัง ชนิด Epidural อาจทำให้คุณแม่หลังคลอดมีอาการปวดศีรษะ

  • ผลข้างเคียงจากการ คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลัง ชนิด Epidural อาจทำให้คุณแม่หลังคลอดมีอาการ คลื่นไส้อาเจียน

  • อาจทำให้ความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อกระดูกเชิงกรานลดลง ซึ่งจะส่งผลให้การคลอดในระยะที่สองต้องใช้เวลาเนิ่นนานออกไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง

  • มีโอกาสสูงที่จะต้องใช้คีมช่วยคลอดเพราะมารดาไม่รู้จังหวะเบ่ง หรือเบ่งไม่สำเร็จ

  • ปากมดลูกบวม เนื่องจากไม่รู้จังหวะเบ่ง


อย่างไรก็ดี คลอดธรรมชาติแบบบล็อกหลัง ไม่ได้มีในทุกโรงพยาบาล ส่วนใหญ่มีในโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากในการคลอดแต่ละครั้ง ต้องมีวิสัญญีแพทย์ ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการคลอด อาจทำให้จำนวนแพทย์ ไม่เพียงพอ และต้องเป็นทีมแพทย์ ที่มีความชำนาญ ถ้าคุณแม่ต้องการคลอดด้วยวิธี คลอดธรรมชาติแบบไม่เจ็บ แนะนำให้ปรึกษาสูติแพทย์ ที่คุณแม่ฝากครรภ์อยู่ เพื่อประเมินภาวะสุขภาพว่า คุณแม่สามารถคลอดด้วยวิธีดังกล่าวได้หรือไม่อย่างไร


เรียบเรียงโดย : พว . นฤมล เปรมปราโมทย์


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ


ดู 9,754 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page