top of page
ค้นหา

ทำความรู้จักกับการตั้งครรภ์นอกมดลูก ภาวะเสี่ยงที่คุณแม่ทุกคนไม่อยากเจอ



หนึ่งในปัญหาสุขภาพที่คุณแม่หลายคนอาจต้องระวังเป็นพิเศษถึงแม้ว่าจะตั้งครรภ์แล้วก็ตาม นั่นคือการตั้งครรภ์นอกมดลูกที่สามารถสร้างความลำบากในการตั้งครรภ์และเป็นอันตรายต่อตัวคุณแม่เอง จนถึงขั้นต้องยุติการตั้งครรภ์อีกด้วยนะคะ ว่าแต่ภาวะดังกล่าวเกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับคุณแม่ได้อย่างไรบ้าง วันนี้ครูก้อยจะมาเล่าให้ฟังค่ะ


ตั้งครรภ์นอกมดลูกคืออะไร


เป็นความผิดปกติของการตั้งครรภ์ที่เกิดจากไข่กับสเปิร์มปฏิสนธิกันและกลายเป็นตัวอ่อนที่ฝังตัวอยู่บริเวณอื่นที่ไม่ใช่ผนังมดลูก โดยการฝังตัวอ่อนผิดปกติมักพบได้ในท่อนำไข่, ปากมดลูก, รังไข่ หรือช่องท้อง จึงทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นทารกได้ หากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจทำให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตภายในท่อนำไข่และไม่สามารถขยายได้อีกต่อไปจนทำให้ท่อนำไข่แตก ส่งผลให้สูญเสียเลือดปริมาณมากและตกเลือดในช่องท้องที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยทั่วไปภาวะดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ 7 สัปดาห์ขึ้นไป


สาเหตุของการตั้งครรภ์นอกมดลูก

  • คุณแม่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป

  • ท่อนำไข่ได้รับความเสียหายจนมีรูปร่างที่ผิดไปจากเดิม

  • มดลูกอักเสบ ท่อนำไข่อักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือรังไข่อักเสบ

  • การพัฒนาภายในไข่ผิดปกติหลังจากปฏิสนธิ

  • มีประวัติทำหมันหรือผ่าตัดแก้หมันหญิงมาก่อน

  • มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดอุ้งเชิงกราน

  • ฮอร์โมนไม่สมดุลระหว่างตั้งครรภ์

  • เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  • การใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

  • การใช้ยาบางชนิดและการรักษาภาวะมีบุตรยาก

สัญญาณเตือนท้องนอกมดลูก

  • มีอาการเหมือนคุณแม่ตั้งครรภ์ทั่วไป ได้แก่ ขาดประจำเดือน คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บหน้าอก แต่บางรายอาจมีอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน

  • มีเลือดจำนวนมากไหลออกจากช่องคลอด

  • ปวดตามตัว ทั้งปวดท้องน้อย, ปวดคอ, ปวดไหล่, ปวดทวารหนัก

  • วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง หน้ามืดเป็นลม

  • บางรายอาจถึงขั้นช็อกหมดสติ

ภาวะแทรกซ้อนจากการท้องนอกมดลูก


กรณีที่คุณแม่มีภาวะดังกล่าวแต่เข้ารับการรักษาช้าเกินไป อาจทำให้ท่อนำไข่และอวัยวะภายในบริเวณที่ไข่ฝังตัวเสียหายจนฉีกขาดหรือติดเชื้อและก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดแพร่กระจายในหลอดเลือด (Disseminated intravascular coagulation: DIC) ส่งผลให้ผู้ป่วยตกเลือด เลือดออกเป็นจำนวนมากออกจากช่องคลอด, ความดันโลหิตต่ำลงและมีภาวะช็อกตามมา หากปล่อยไว้นานหรือมารักษาไม่ทัน อาจนำมาสู่ภาวะช็อกหมดสติและอาจเสียชีวิตในเวลาต่อมา


วิธีรักษาภาวะท้องนอกมดลูก


หากตรวจพบภาวะดังกล่าว คุณหมอจะแนะนำให้นำตัวอ่อนที่ฝังตัวอยู่นอกมดลูกโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่ เนื่องจากตัวอ่อนตัวนั้นไม่สามารถเจริญเติบโตได้อีกต่อไป หากปล่อยไว้อาจขยายตัวและสร้างความเสียหายให้แก่อวัยวะภายในของคุณแม่ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพของคุณแม่ในระยะยาว ทั้งนี้คุณหมอจะรักษาตามพัฒนาการของตัวอ่อน


หากอยู่ในระยะเริ่มต้นคุณหมอจะจ่ายยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวอ่อนพัฒนากลายเป็นเนื้อเยื่อที่เจริญเติบโต แต่หากอาการอยู่ในระดับรุนแรง คุณหมอจะผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparotomy) เริ่มจากการเปิดแผลเพื่อสร้างรูขนาดเล็ก จากนั้นจึงนำกล้องขยายขนาดเล็กและเครื่องมือชนิดพิเศษสอดเข้าไป โดยคุณหมอแพทย์จะส่องดูอวัยวะภายในและผ่าตัดโดยใช้ภาพจากกล้องในการนำตัวอ่อนนอกมดลูกออกไป รวมถึงผ่าตัดซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณที่ตัวอ่อนฝังตัวซึ่งได้รับความเสียหาย หากพบว่ามีเนื้อเยื่อเสียหายมาก คุณหมออาจผ่าตัดนำท่อนำไข่ออกไปด้วย


ป้องกันการท้องนอกมดลูกได้มั้ย


แม้ว่าภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ทุกคน ไม่วิธีใดที่สามารถป้องกันได้ 100% แต่คุณแม่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยตัวเองเพียงแค่ดูแลตัวเองดังวิธีต่อไปนี้


1.รับประทานอาหารบำรุงร่างกาย


สำหรับคุณแม่ที่ชื่นชอบอาหารผัด ๆ ทอด ๆ มัน ๆ อย่างพวกอาหารขยะ (Junk food) หรือขนมหวานก็ตาม ควรเบรกตัวเองโดยด่วนค่ะ เนื่องจากอาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยไขมัน โซเดียมสูง และน้ำตาล ที่อาจนำมาสู่ภาวะน้ำหนักเกินซึ่งมีผลต่อการมีลูกโดยตรง เนื่องจากน้ำหนักที่มากเกินเกณฑ์มาตรฐานจะลดโอกาสตั้งครรภ์ให้น้อยลง มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเจริญพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นอาการประจำเดือนขาด หรือมาไม่สม่ำเสมอ หรือมีภาวะตกไข่ไม่ปกติด้วยค่ะ


สำหรับอาหารที่ครูก้อยแนะนำ ได้แก่ โปรตีนจากพืชอย่างถั่วเหลือง, งาดำ และโปรตีนจากสัตว์อย่างไข่, ปลา, นมแพะ, อกไก่ไม่ติดมัน เพื่อบำรุงเซลล์ไข่ให้อ้วนโต, ผักใบเขียวอย่างผักโขม คะน้า บรอกโคลี อุดมไปด้วยกรดโฟลิกช่วยสร้างและป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทของตัวอ่อน, อาหารทะเลอย่าง แซลม่อน ทูน่า หอยนางรม ที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะสืบพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ



นอกจากนี้ครูก้อยขอแนะนำสารอาหารจำพวกไขมันด้วยค่ะ แต่อย่าเพิ่งตกใจนะคะว่าทำไมต้องเป็นไขมัน ไขมันในที่นี้คือ ไขมันดี ค่ะ หรือชื่อเต็มว่า High Density Lipoprotein: HDL) เป็นไขมันคอเลสเตอรอลสำหรับดักจับไขมันเลว (Low-Density Lipoprotein: LDL) ที่อาศัยอยู่ตามเลือดทั่วร่างกายและส่งไปให้ตับกำจัดออกจากร่างกายผ่านทางรูปแบบข้อเสียต่าง ๆ ส่งผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง น้ำหนักไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ให้มากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังป้องกันภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศอันเป็นสาเหตุที่ทำให้มีลูกยากอีกด้วยนะคะ



2. งดดื่มงดสูบ


หากคุณแม่เป็นสายปาร์ตี้ ชิบดื่มชอบสูบ ครูก้อยแนะนำให้งดไปเลยยาว ๆ ค่ะ เพราะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ จะส่งผลต่อความผิดปกติของระบบฮอร์โมนต่อมใต้สมองและฮอร์โมนควบคุมการทำงานของรังไข่ ทำให้ช่วงเวลาตกไข่ผิดปกติ ระยะเวลาคลาดเคลื่อนจากเดิม หรืออาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกปกติ


หรือแม้ว่าคุณแม่จะไปสังสรรค์โดยที่ไม่ดื่มไม่สูบก็ตาม อย่าลืมนะคะว่าควันบุหรี่มือสองมือสามทั้งหลายก็อาจมีผลต่อสุขภาพในระยะยาวด้วยค่ะ โดยเฉพาะแม่ ๆ คนไหนก็ตามที่อยากมีน้อง เพราะควันบุหรี่จะส่งผลเสียต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้ร่างกายผลิตไข่ได้น้อยลงและลดโอกาสการตั้งครรภ์ให้น้อยลง ลดประสิทธิภาพของมดลูกซึ่งเป็นบริเวณที่ฝังของตัวอ่อน การฝังตัวอ่อนจึงยากขึ้น เกิดภาวะวัยทองก่อนวัยอันควรเร็วขึ้น บางรายอาจถึงขั้นเป็นหมันตลอดชีวิตอีกด้วยค่ะ


3. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย


หากคุณแม่คนไหนกำลังวางแผนมีเจ้าตัวน้อย ครูก้อยขอแนะนำให้คุณแม่ให้ความสำคัญกับการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยนะคะ เพราะการมีคู่นอนมากกว่า 1 คน อาจเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเสี่ยงต่อภาวะท้องนอกมดลูกได้ง่ายกว่าคนที่มีคู่นอนเพียงคนเดียว นอกจากนี้อย่าลืมทำความสะอาดน้องสาวอย่างถูกวิธีทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์ด้วยนะคะ


บทความที่น่าสนใจ

ดู 155 ครั้ง0 ความคิดเห็น

댓글


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page