
หากพูดถึงปัญหาหนึ่งที่สร้างความลำบากใจในให้แก่สาว ๆ หลายคน หนึ่งในนั้นคือภาวะช่องคลอดแห้ง เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันแล้ว ยังส่งผลต่อการมีลูกอีกด้วย ว่าแต่ภาวะดังกล่าวเกิดจากอะไร มีวิธีสังเกตอาการ มีวิธีการรักษา รวมถึงมีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง วันนี้ครูก้อยจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
ช่องคลอดแห้งคืออะไร
Vulvovaginal atrophy (VVA) เป็นภาวะที่เมือกหล่อลื่นในในช่องคลอดลดลงหรือหายไป ส่งผลให้เยื่อบุช่องคลอดแห้งกร้านและก่อให้เกิดอาการเจ็บได้ โดยทั่วไปเป็นอาการของผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่สามารถเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่านี้ก็ได้เช่นกัน นอกจากจะเป็นปัญหาสุขภาพแล้ว ยังกระทบถึงความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ด้วย เนื่องจากภาวะดังกล่าวส่งผลต่อความสุขทางเพศ ทำให้ฝ่ายหญิงไม่อยากมีเพศสัมพัธ์ หรือแม้แต่เป็นอุปสรรคต่อการมีลูกเนื่องจากไข่ไม่ตก
สาเหตุของช่องคลอดแห้งเกิดจากอะไร
ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงตามช่วงวัย ยิ่งอายุมากขึ้นฮอร์โมนยิ่งลดลง
อยู่ในช่วงคลอดลูกหรือช่วงให้นมบุตร เนื่องจากเป็นช่วงที่ระดับเอสโตรเจนลดลงอย่างรวดเร็ว
แพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
แพ้ชุดชั้นใน หรือแผ่นอนามัย
แพ้สารโนน็อกซินอล 9 ในถุงยางอนามัย
การคุมกำเนิดด้วยการฉีดหรือการรับประทานยาบางชนิด
การสวนล้างช่องคลอดบ่อยเกินไป
ติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา
ผู้ป่วยโรคประจำตัวที่ทำให้ช่องคลอดแห้ง เช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้บางชนิด โรคโชเกร็น (Sjögren syndrome) หรือ โรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตัวเอง ฯลฯ
การใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยารักษาความดันโลหิต ยารักษาโรคซึมเศร้า ฯลฯ
การผ่าตัดรังไข่ออก
พฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การออกกำลังกายหักโหม ความเครียดรุนแรง
สังเกตอาการช่องคลอดแห้งได้อย่างไรบ้าง
ช่องคลอดมีสีซีดและแห้ง เนื่องจากไม่มีน้ำหล่อลื่น
รู้สึกระคายเคือง หรือแสบร้อนบริเวณช่องคลอด
ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ รู้สึกแสบขัดขณะปัสสาวะ กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะปนเลือด
รู้สึกเจ็บหรือมีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ ถึงจุดสุดยอดยาก ความต้องการทางเพศลดลง
ช่องคลอดอักเสบ เป็น ๆ หาย ๆ
มีตกขาวบ่อยกว่าปกติ
ผลข้างเคียงจากช่องคลอดแห้ง
เกิดแผลง่าย เนื่องจากผนังช่องคลอดขาดเมือกหล่อลื่น
ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
เป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงไม่มีน้ำหล่อลื่นหลั่งออกมา ส่งผลให้ช่องคลอดแห้ง หากละเลยภาวะดังกล่าว อาจส่งผลให้มีลูกยากขึ้น
วิธีแก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง
ทาเจลหล่อลื่น บริเวณช่องคลอดหรืออวัยวะเพศชาย เพื่อป้องกันอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
ใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นเฉพาะที่ (Moisturizer) ทา 2-3 ครั้งต่อวัน เพื่อบรรเทาสภาพแห้งของช่องคลอด ทั้งนี้ควรระมัดระวังด้วยว่ามีสารปิโตรเลียมเจลและน้ำมันหรือไม่ หากอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองมากยิ่งขึ้น
ใช้ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy หรือ HRT) สำหรับเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย เหมาะกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
ทาฮอร์โมนเอสโตรเจนในช่องคลอด แต่ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากวิธีนี้ทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นด้วย
ป้องกันช่องคลอดแห้งอย่างไรดี
รับประทานอาหารเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อุดมไปด้วยสารไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายผู้หญิง รวมถึงรับประทานผักผลไม้และธัญพืชร่วมด้วย เนื่องจากจะช่วยเพิ่มน้ำหล่อลื่นให้แก่ช่องคลอด ได้แก่ แครอท น้ำมะพร้าว องุ่น โฮลเกรน เมล็ดแฟล็กซ์ เป็นต้น
ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่หักโหมมากเกินไป นอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายพร้อมต่อการปฏิสนธิมากขึ้นด้วยค่ะ
ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 - 2 ลิตรต่อวัน
งดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากจะเร่งภาวะช่องคลอดแห้งง่ายขึ้นแล้ว ยังส่งผลเสียต่อปัญหาสุขภาพระยะยาวอีกด้วยนะคะ
จัดการความเครียดไม่ให้มีมากเกินไป อาจจะวาดรูป อ่านหนังสือ ฟังเพลง นั่งสมาธิ ก็ดีไม่น้อยเลยค่ะ
พักผ่อนให้เพียงต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัย ช่วยพักฟื้นระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมีอีก 1 วิธีที่ครูก้อยอยากจะมาแนะนำ นั่นก็คือการรับประทานทานวิตามินบำรุงVarginaree หรือ วาร์จินนารี่ บาย ครูก้อย เป็นวิตามินเม็ดสีชมพูที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ วาร์จินนารี่มีฤทธิ์ฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ของผู้หญิง โดยเฉพาะระบบผิวพรรณและระบบฮอร์โมน ช่วยแก้ปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ ระบบเลือดไหลเวียนไม่ดี มดลูกไม่สมบูรณ์ มดลูกแห้ง ตกขาว ผิวแห้ง ไม่กระชับ รวมถึงภาวะวัยทองก่อนกำหนดอีกด้วย
สนใจสั่งซื้อ คลิกที่นี่ได้เลยค่ะ >>>
https://www.babyandmom.co.th/all-products/varginaree-วาร์จินนารี