top of page
ค้นหา

มดลูกแห้งเพราะยาคุม ทำให้เซ็กส์เสื่อม มีลูกยาก จริงหรือไม่?



มดลูกแห้งเพราะยาคุม เป็นเรื่องที่หญิงสาวหลาย ๆ คนอาจยังไม่ทราบว่าภาวะนี้เกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ เมื่อพูดถึงยาคุมแล้วแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ทราบกันดีว่ายาชนิดนี้เป็นของคู่กันกับหญิงสาว เพื่อช่วยในการคุมกำเนิด หรือบางคนอาจรับประทานเพื่อประโยชน์อย่างอื่น เช่น ลดสิว ทำให้ผิวใส เป็นต้น อย่างไรก็ดีค่ะ การรับประทานยาคุมนาน ๆ เข้าก็อาจส่งผลข้างเคียงบางอย่างต่อมดลูกได้ และอาจส่งผลให้มีบุตรยากได้อีกด้วย ดังนั้น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นนี้จะเป็นอย่างไร บทความนี้ครูก้อยมีคำตอบค่ะ


มดลูกแห้งเพราะยาคุมได้จริงหรือไม่ ส่งผลข้างเคียงอะไรต่อร่างกายบ้าง?


การทานยาคุมกำเนิด (Birth control pill) เป็นวิธีคุมกำเนิดที่บรรจุฮอร์โมนเพศหญิง คือ เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพื่อออกฤทธิ์ต่อการทำงานของอวัยวะสืบพันธุ์ ยับยั้งการตกไข่ ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างได้รับความนิยม เพราะสามารถซื้อได้ง่าย หากรับประทานยาถูกวิธีจะทำให้สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่มีคนไม่น้อยที่มีความเชื่อผิด ๆ หรือรับประทานยาคุมกำเนิดแบบผิดวิธี ซึ่งอาจนำมาซึ่งปัญหาการตั้งครรภ์ได้ค่ะ


ยาคุมกำเนิดมีกี่ประเภท และใช้อย่างไร

ยาคุมกำเนิดมี 3 ชนิด คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน โดยมีรายละเอียดดังนี้


  • ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive - COC) จะประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนรวมกันในเม็ดเดียว โดยยาคุมชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงมาก หากรับประทานอย่างสม่ำเสมอ และยังมีผลดีทำให้ประจำเดือนมาตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ อาจปวดประจำเดือนน้อยลงได้

  • ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestrogen-only pills - POP) จะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว ยาคุมชนิดนี้ในหนึ่งแผงจะมีทั้งหมด 28 เม็ด รับประทานได้ทุกวันโดยไม่ต้องหยุด เมื่อรับประทานหมดแล้วก็สามารถรับประทานแผงใหม่ต่อได้เลย เป็นชนิดที่ผลิตออกมาเพื่อลดอาการข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน

  • ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน (Emergency contraception pill) มักใช้เฉพาะในยามฉุกเฉิน เช่น ถุงยางแตก หรือรั่ว เป็นต้น

ยาคุมกำเนิดออกฤทธิ์อย่างไร

  • มีผลต่อผนังมดลูก ทำให้ผนังมดลูกบางจนตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้

  • ทำให้มีการตกไข่ หรือมีผลในการยับยั้งกระบวนการก่อนเกิดการปฏิสนธิ (fertilization)

  • ท่อนำไข่เคลื่อนไหวมาก ทำให้ไข่ที่ถูกผสมไม่ทันฝังตัว

  • เกิดมูก หรือเมือกที่ปากมดลูก ทำให้ปากมดลูกมีความเหนียวข้นส่งผลให้อสุจิเคลื่อนผ่านเข้าไปได้ยากขึ้น


วิธีการกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง


แนะนำให้เริ่มกินภายในวันที่ 5 ของวันที่มีประจำเดือน โดยนับวันแรกที่มีประจำเดือนเป็นวันที่ 1 หลังจากเริ่มกินแล้วควรกินต่อเนื่องทุกวัน ในช่วงเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เพื่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดที่ดีที่สุด


ผลข้างเคียงของยาคุม มีอะไรบ้าง?


ผลข้างเคียงในอดีตของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม มักทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักตัวเพิ่ม บวมน้ำ ฝ้าขึ้น ซึ่งพบได้น้อยลงมากในยาคุมกำเนิดที่วางแผงอยู่ในปัจจุบัน เพราะปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนในตัวยาถูกลดปริมาณลงจากเดิมถึงครึ่งนึง


ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องของการทานยาคุม


  • ทำให้มดลูกแห้ง แต่ในความเป็นจริงแล้วยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ทำให้ประจำเดือนมาน้อยลง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ร่างกายลดการเสียเลือด อีกทั้งยังส่งผลให้อาการปวดประจำเดือนลดลงด้วย

  • ทำให้มีบุตรยากในอนาคต พบว่าหากหยุดยาคุมกำเนิดเป็นเวลา 2-3 เดือน ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ไม่มีผลต่อการมีบุตรยากในอนาคตแต่อย่างใด

กินยาคุมต่อเนื่องเป็นเวลานานทำให้มดลูกแห้งและเซ็กส์เสื่อม?


เรื่องมดลูกแห้ง ส่วมากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือติดเชื้อในช่องคลอดบ่อย ๆ ผู้หญิงมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น คือ ชอบสวนล้างช่องคลอดคิดว่าเป็นการทำความสะอาดได้ล้ำลึกแต่ความเป็นจริงการสวนล้างช่องคลอด หรือล้างด้วยน้ำยาอนามัยจะทำให้ช่องคลอดเสียความเป็นกรด และแห้งในที่สุดต่างหากค่ะ เมื่อช่องคลอดแห้ง ขณะมีเซ็กส์ก็จึงเกิดความเจ็บปวดเพราะขาดน้ำหล่อลื่น จุดนี้ต่างหากทำให้คุณขยาดการมีเซ็กส์ หลายคนนำมาเป็นข้ออ้างว่าเซ็กส์เสื่อม แท้จริงเเล้วเราบกพร่องและไม่พร้อมมากกว่า และหากปฏิเสธบ่อย ๆ ฝ่ายชายอาจเปลี่ยนใจ จึงมีปัญหาชีวิตคู่ตามมาได้


กินยาคุมกำเนิดแล้วหยุดกิน จะทำให้มีลูกยาก?


ผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิดแล้วหยุดกิน จะทำให้มีลูกยากนั้น ไม่เป็นความจริงค่ะ เพราะยาคุมกำเนิดมีฤทธิ์เพียงวันเดียวหากไม่ทานต่อเนื่องมีสิทธิ์ท้องได้ง่าย เพราะเช่นนั้นคุณหมอจึงบอกว่าต้องทานยาคุมกำเนิดทุกวัน ยาคุมกำเนิดมีฤทธิ์วันเดียวเท่านั้นวันต่อไปไม่ทานก็หมดฤทธิ์ ก็สามารถท้องได้หรือแม้แต่ทานยาคุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอจะส่งผลให้ท้องได้เช่นกัน


แต่ที่สำคัญคือ หลังจากที่คุณแม่หยุดกินยาคุมกำเนิดแล้วยังไม่แนะนำให้ปล่อยให้ตั้งครรภ์ทันทีนะคะ ควรให้ผ่านไปสัก 3 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้ระหว่าง 3 เดือนนี้ก็ควรจะคุมกำเนิดด้วยวิธีการอื่น ๆ แทนเช่น ใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนแรก อาจจะไม่มีประจำเดือนเนื่องจากหลังจากหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว ประจำเดือนอาจจะมาล่าช้ากว่าเดิม เมื่อประจำเดือนเริ่มมาเป็นปกติ (ประจำเดือนเริ่มมาเป็นปกติ 3 เดือนขึ้นไป) ค่อยปล่อยให้ตั้งครรภ์ตามธรรมชาติค่ะ ระหว่างนี้ก็คงต้องให้ว่าที่คุณพ่อมือใหม่คุมกำเนิดตัวเองไปก่อน จากการสำรวจพบว่าผู้หญิงประมาณครึ่งหนึ่งจะท้องได้หลังหยุดกินยาคุมกำเนิด 3 เดือนและผู้หญิงส่วนใหญ่จะท้องได้ภายใน 12 เดือนหลังหยุดกินยา


นอกจากนี้ควรเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์อย่างถูกต้อง เช่น การออกกำลังกายให้พอเหมาะ นอนหลับพักผ่อนให้มาก กินอาหารให้ครบ ดื่มน้ำให้มาก และอย่าเครียด ที่เหลือก็อาจจะใช้เครื่องมือเข้าช่วย เช่น ชุดทดสอบวันตกไข่ (ทดสอบจากน้ำปัสสาวะ)


อย่างไรก็ดี ยาคุมกำเนิดอาจเป็นตัวช่วยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ให้ผลดี แต่ยาคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ และค่อนข้างมีผลข้างเคียงมากกว่าการป้องกันด้วยวิธีอื่น ดังนั้นการรับประทานยาคุมควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อความปลอดภัย และป้องกันผลข้างเคียงที่อาจตามมาได้


บทความที่น่าสนใจ


ดู 6,269 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page