top of page
ค้นหา

อย่าปล่อยให้ภาวะท่อนำไข่บวมน้ำทำให้คุณแม่มีลูกยาก

แม่ๆ ที่รอการตั้งครรภ์มานานเคยสงสัยกันมั้ยคะว่าทำไมเบบี๋ถึงยังไม่มาสักที 1 ในสาเหตุสำคัญอาจเกิดจากภาวะท่อนําไข่บวมน้ำก็เป็นได้ และวันนี้ครูก้อยจะมาแนะนำวิธีการตรวจหาและการรักษาที่เหมาะสมให้แก่แม่ๆ กันค่ะ


ภาวะท่อนำไข่บวมน้ำคืออะไร


เป็นภาวะที่ท่อนำไข่ส่วนปลายอุดตันเนื่องจากติดเชื้อหรือเกิดผังผืดบริเวณส่วนปลายท่อ ทำให้สารคัดหลั่งที่สร้างจากเซลล์ภายในท่อนำไข่ไม่สามารถระบายออกได้ และมีน้ำคั่งอยู่ในท่อนำไข่ ทำให้ท่อนำไข่บวมพองออกเป็นกระเปาะ โดยปกติแล้วท่อน้ำไข่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อน เพื่อให้ตัวอ่อนเดินทางจากบริเวณที่ปฏิสนธิเข้าสู่โพรงมดลูกประมาณ 5-6 วัน เพื่อทำการฝังตัว แต่หากมีภาวะท่อนำไข่บวมน้ำขึ้นมา อาจส่งผลให้

  • น้ำภายในท่อนำไข่ที่โป่งพองไหลย้อนกลับและยับยั้งตัวอ่อนจากการฝังตัว

  • ร่างกายหลั่งสารอักเสบบางตัว ทำให้โพรงมดลูกรับการฝังตัวของตัวอ่อนน้อยลง

  • พิษจากน้ำที่ขังในท่อนำไข่ มีผลทำให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตไม่ดี


จะรู้ได้อย่างไรว่ามีภาวะท่อนำไข่บวมน้ำ


1. การอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด


สำหรับคุณแม่ที่มีบุตรยากเข้ารับการตรวจวินิจฉัย แพทย์จะใช้วิธีตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด โดยลักษณะของท่อนำไข่บวมน้ำจะเป็นช่องว่างสีดำยาว ทั้งนี้การตรวจดังกล่าวไม่อาจวินิจฉัยได้ 100% จึงต้องตรวจท่อนำไข่เพิ่มเติมด้วยการฉีดสีเอกซเรย์

2. การฉีดสีดูท่อนำไข่


แพทย์จะฉีดสารทึบแสงที่ฉีดเข้าไปแล้วไม่สามารถไหลผ่านออกทางปลายท่อนำไข่เข้าสู่ช่องท้องได้ ทำให้เกิดการสะสมของสารดังกล่าวจะทำให้เห็นลักษณะของท่อนำไข่ที่พองและบวมออกเป็นกระเปาะชัดเจนเมื่อนำมา X-ray


3. การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อวินิจฉัย


แพทย์อาจต้องผ่าตัดส่องกล้องโดยการฉีดสี methylene blue เพื่อทดสอบว่าท่อนำไข่ตันหรือไม่? หากพบว่าลักษณะของท่อนำไข่พองบวม สีข้างในจะออกน้ำเงิน แสดงว่าเป็นภาวะท่อนำไข่ตัน


อาการของภาวะท่อนำไข่บวมน้ำ


ภาวะท่อนำไข่บวมน้ำส่งผลโดยตรงต่อคุณแม่ที่อยากมีลูกเนื่องจากภาวะดังกล่าวลดโอกาสตั้งครรภ์จาก 74% เหลือเพียง 8% เท่านั้น และถ้าท่อนำไข่เสียหายเล็กน้อยก็ลดโอกาสตั้งครรภ์เหลือเพียง 63% แต่ถ้าท่อนำไข่เสียหายมาก อาจทำให้หมดสิทธิ์ตั้งครรภ์หลังผ่าตัดได้เลยทีเดียว หรือหากตั้งครรภ์ได้จริงๆ ก็มีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูกมากกว่าคนทั่วไป 3-7 เท่า


แล้วมีวิธีรักษามั้ย ต้องทำอย่างไรบ้าง


โดยทั่วไปแพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะ, เจาะดูดน้ำในท่อนำไข่ทิ้ง หรืออาจต้องผ่าตัดเอาท่อบวมน้ำออก จากผลการวิจัยพบว่า การตัดท่อนำไข่บวมน้ำออกจะช่วยเพิ่มอัตราการฝังตัวและการตั้งครรภ์มากขึ้น ส่วนการให้ยาปฏิชีวนะและการดูดน้ำจากท่อนำไข่นั้นไม่มีผลช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์แต่อย่างใด จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแพทย์ที่ทำการรักษาจึงแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อเอาท่อนำไข่นั่นเอง


บทความที่น่าสนใจ





ดู 1,389 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page