top of page
ค้นหา

รวมทุกคำถามเกี่ยวกับน้ำมะกรูด กินตอนไหนได้ผลดีที่สุด

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากบำรุงร่างกายให้แข็งแรง หรือแม้แต่ต้องการเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์ก็ตาม แต่ก็ได้ยินมาว่าน้ำมะกรูดสามารถช่วยได้ ว่าแต่น้ำมะกรูดช่วยได้จริงไหม น้ำมะกรูดกินตอนไหนดีที่สุด ครูก้อยจะมาเล่าให้ฟังค่ะ


สำหรับใครที่เคยได้ยินเกี่ยวกับสรรพคุณของน้ำมะกรูดมาบ้าง หรืออาจรู้แค่ว่าน้ำมะกรูดช่วยให้มีลูกได้ง่ายขึ้น แต่อาจไม่รู้มาก่อนว่าควรกินในปริมาณเท่าไหร่ น้ำมะกรูดกินตอนไหนถึงจะเห็นผล เลือกน้ำมะกรูดสูตรไหนดี หากซื้อมาแล้วสามารถเก็บไว้ได้นานแค่ไหนและควรเก็บไว้ในอุณหภูมิเท่าไหร่ วันนี้ครูก้อยจะมาตอบทุกคำถามกันค่ะ


ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับน้ำมะกรูด


1. น้ำมะกรูดมีประโยชน์อย่างไร


น้ำมะกรูดมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคให้แก่ร่างกาย ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีในร่างกายไม่ให้มีปริมาณมากเกินไปจนเป็นอันตรายต่อร่างกาย ช่วยขับลมในลำไส้ บรรเทาอาการจุกเสียด แน่นท้อง ช่วยให้เจริญอาหาร หากคุณกำลังป่วยอยู่ น้ำมะกรูดจะช่วยบรรเทาอาการเสมหะ น้ำลายเหนียว นอกจากนี้น้ำมะกรูดยังมีผลดีต่อผู้หญิงอย่างเรา ๆ ด้วยนะคะ เนื่องจากมีสารเควอซิทิน (Quercetin) ในปริมาณสูง นอกจากจะเป็นสารที่ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สดใส และช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกอย่างเพียงพอ รังไข่ทำงานเป็นปกติอีกด้วยค่ะ


2. ดื่มน้ำมะกรูด ท้องได้จริงไหม


จริงค่ะ ครูก้อยคอนเฟิร์ม เพราะน้ำมะกรูดอุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ไข่ให้แข็งแรงสมบูรณ์ และที่สำคัญยังมีเควอซิทิน (Quercetin) ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ไหลไปเลี้ยงรังไข่และมดลูกอย่างเพียงพอ ช่วยให้มดลูกอุ่นตลอดเวลา ลดการอักเสบติดเชื้อในมดลูกอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้น้ำมะกรูดยังช่วยให้ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอและดึงรอบวงจรการตกไข่ให้ปกติ อีกทั้งช่วยรักษาภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือ PCOS ทำให้ฮอร์โมนเพศหญิงสมดุลขึ้นอีกด้วย โอกาสตั้งครรภ์ก็เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ


3. น้ำมะกรูดลดไขมันในเลือดได้ไหม


ได้ค่ะ ต้องบอกคุณแม่มือใหม่ทั้งหลายก่อนนะคะว่าไขมันในเลือดหรือคอเลสเตอรอลนั้นเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการตั้งครรภ์ หากเรามีคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในร่างกาย (LDL) มากกว่าคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) จะมีผลทำให้ร่างกายมีไขมันสะสมบริเวณผนังหลอดเลือด เลือดจึงไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกน้อยลงและทำให้ตัวอ่อนฝังตัวยากมากขึ้น โอกาสตั้งครรภ์ก็น้อยลงนั่นเองค่ะ และเนื่องจากน้ำมะกรูดมีสารที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ HMG-CoA ซึ่งเป็นเอนไซม์คอเลสเตอรอล อีกทั้งลดการสร้าง LDL หรือไขมันไม่ดี ดังนั้นน้ำมะกรูดจึงช่วยลดความดันโลหิตลงได้ด้วยค่ะ


4. ดื่มน้ำมะกรูด กินตอนไหนได้ผลดีที่สุด


สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะต่อการดื่มน้ำมะกรูดมากที่สุดจะเป็นช่วงท้องว่างนะคะ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมคุณประโยชน์จากน้ำมะกรูดได้อย่างเต็มที่ ครูก้อยขอแนะนำให้ดื่มช่วงเช้าครึ่งขวดและช่วงเย็นอีกครึ่งขวดค่ะ


5. ดื่มน้ำมะกรูดทุกวัน ดีไหม


ดีค่ะ เพียงแต่ต้องดื่มในปริมาณที่เหมาะสมค่ะ เพราะน้ำมะกรูดก็เหมือนน้ำสมุนไพรชนิดอื่นที่หากคุณรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะก็จะช่วยปรับสมดุลภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่หากดื่มมากเกินไปก็ทำให้ร่างกายสะสมสารเบอร์แกพเทน (Bergapten) มากเกินไปและทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดลดลง เป็นเหตุให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อและกล้ามเนื้อกระตุกได้ด้วยค่ะ


6. คุณแม่เตรียมท้อง ดื่มน้ำมะกรูดช่วงไหนบ้าง

  • กรณีที่เป็นคุณแม่ปล่อยธรรมชาติ ครูก้อยแนะนำให้ดื่มทุกวัน วันละ 2 SHOT โดยดื่ม 1 SHOT แรกตอนเช้าและ 1 SHOT ก่อนนอน (ทั้งนี้สามารถดื่มช่วงเวลาไหนก็ได้เมื่อท้องว่างเพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดี)

  • กรณีที่คุณแม่กำลังอยู่ในช่วงบำรุงไข่เพื่อทำ IUI, IVF และ ICSI ควรดื่มทุกวัน วันละ 2 SHOT เป็นเวลา 3 เดือนก่อนเก็บไข่หรือฉีดเชื้ออสุจิ และในช่วงฉีดกระตุ้นไข่ควรดื่มเพิ่มเป็นเท่าตัว โดยดื่มวันละ 4 SHOT (ช่วงเช้า, สาย, บ่ายและก่อนนอน) เพื่อให้ไข่แข็งแรงสมบูรณ์และป้องกันภาวะไข่ฝ่อ อีกทั้งช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวอ่อนถึงระยะบลาสโตซีสต์ได้มากขึ้นอีกเท่าตัว

  • กรณีที่คุณแม่ที่อยู่ในช่วงเตรียมผนังมดลูก ควรดื่มวันละ 1 SHOT ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดด้วยการเพิ่มออกซิเจนไปเลี้ยงมดลูกมากขึ้น ส่งผลให้มดลูกอุ่น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการอักเสบของร่างกายและสร้างความพร้อมในการฝังตัวอ่อนอีกด้วยค่ะ

7. น้ำมะกรูดใช้แทนน้ำมะนาวได้ไหม


กรณีที่คุณต้องการดื่มเพื่อดับกระหายหรือดื่มเอารสเปรี้ยวเฉย ๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ เพียงแต่หากต้องการบำรุงร่างกายเพื่อเตรียมตั้งครรภ์แล้ว ครูก้อยขอแนะนำให้ดื่มน้ำมะกรูดจะดีที่สุดค่ะ เนื่องจากสารอาหารบางชนิดในน้ำมะกรูดมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกและรังไข่ อีกทั้งปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิงให้อยู่ในสภาวะปกติ


8. น้ำมะกรูดไม่เหมาะกับใครบ้าง

  • ไม่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่อยู่ในช่วงใส่ตัวอ่อนเข้าไปแล้ว หรือช่วง 1-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะน้ำมะกรูดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ

  • ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อน, โรคกระเพาะ, โรคโลหิตจาง หากต้องการดื่มเพื่อเตรียมท้อง ครูก้อยแนะนำให้ดื่มน้ำมะกรูด 70% ผสมน้ำผึ้งชันโรงแทนน้ำมะกรูด SHOT 100% by ครูก้อยนะคะ


9. เก็บรักษาน้ำมะกรูดได้ด้วยวิธีไหนบ้าง

  • กรณีที่ไม่แช่เย็น สามารถเก็บได้นานถึง 14 วัน

  • กรณีที่แช่เย็น สามารถเก็บได้นานถึง 40 วัน

  • กรณีที่แช่ช่องฟรีซ สามารถเก็บได้นานถึง 1 ปี โดยไม่สูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระ


10. ทำไมต้องน้ำมะกรูด ครูก้อย


น้ำมะกรูด SHOT 100% by ครูก้อย เป็นน้ำมะกรูดสำหรับเตรียมร่างกายของคุณแม่ให้พร้อมต่อการตั้งครรภ์ธรรมชาติและคุณแม่ที่เตรียมทำ IUI, IVF, ICSI เพราะมี "วิตามิน C" ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ไข่และป้องกันไข่ไม่ให้เกิดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ อีกทั้งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ช่วยให้ผนังมดลูกหนาตัวขึ้น รองรับการฝังตัวของตัวอ่อนได้เป็นอย่างดี


น้ำมะกรูด SHOT 100% by ครูก้อย ขนาดบรรจุ 1 แพ็ค มี 10 ขวด (1 ขวด บรรจุ 150 ml) ราคา แพ็คละ 600 บาท เลขที่ อย. 10-1-28663-5-0001 สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม >> คลิก

บทความที่น่าสนใจ

ดู 2,589 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page