top of page
ค้นหา

แบคทีเรียในช่องคลอดมีผลต่อการมีลูกแค่ไหน ดูแลร่างกายยังไงดี

  • admin14284
  • 19 ต.ค. 2566
  • ยาว 1 นาที


คุณแม่มือใหม่หลายคนอาจยังไม่รู้มาก่อนว่าในช่องคลอดของเรามีแบคทีเรียทั้งชนิดดีและชนิดไม่ดี หากปล่อยให้มีแบคทีเรียชนิดไม่ดีอยู่ในช่องคลอดเป็นเวลานาน อาจมีผลต่อการมีลูกที่ยากขึ้นด้วยนะคะ วันนี้ครูก้อยจะเล่าให้ฟังค่ะว่าแบคทีเรียชนิดดีและชนิดไม่ดีมีอะไรบ้าง มีวิธีรักษาสมดุลของแบคทีเรียชนิดดีอย่างไรเพื่อให้มีลูกได้ง่ายขึ้น


แบคทีเรียในช่องคลอดมีอะไรบ้าง


โดยทั่วไปแล้วแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดของผู้หญิงจะมีทั้งชนิดดี คือ แลคโตบาซิลัส (Lactobacillus) และชนิดไม่ดี คือ แอนแอโรบส์ (Anaerobes) หากแบคทีเรียทั้งสองประเภทมีปริมาณที่สมดุลกันย่อมไม่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติใด ๆ ต่อร่างกาย เนื่องจากแลคโตบาซิลลัสมีฤทธิ์ต้านจุลชีพโดยลด pH ในช่องคลอด, สร้างไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (สารเหลวขจัดเชื้อแบคทีเรีย) และมีโพรไบโอติกส์ในช่องคลอดที่ยึดติดกับเซลล์เยื่อบุช่องคลอด จึงช่วยขจัดเชื้อโรคที่อาจเกิดขึ้นภายในช่องคลอด แต่หากช่องคลอดมีแบคทีเรียแอนแอโรบส์มากเกินไป อาจทำให้ช่องคลอดระคายเคืองและเกิดภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือที่เรียกว่า BV (Bacterial Vaginosis) โดยภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงอายุ 15 - 44 ปี หากปล่อยไว้นานอาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพตามมามากมาย รวมถึงเพิ่มโอกาสให้มีลูกยากมากขึ้นด้วยนะคะ นอกจากนี้หากรักษาหายได้ก็ตามแต่หากดูแลสุขภาพร่างกายไม่ดี อาจเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำได้ในอนาคตอีกด้วยค่ะ


สาเหตุของช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

  • สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

  • รับประทานของหมักดองหรืออาหารคาวเป็นประจำ

  • ทำความสะอาดน้องสาวผิดวิธี เช่น สวนล้างช่องคลอด ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่เหมาะกับน้องสาว

  • ใช้แผ่นอนามัยที่มีส่วนผสมของน้ำหอม

  • สวมกางเกงหรือกระโปรงที่รัดแน่นเกินไป

  • ไม่ทำความสะอาดช่องคลอดก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์

  • มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน เช่น ไม่สวมถุงยางอนามัย หรือมีคู่นอนมากกว่า 1 คน

  • เป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้

  • เป็นผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อ HIV

  • การตั้งครรภ์ เพราะทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้น


อาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด

  • ลักษณะของตกขาวผิดปกติ เปลี่ยนเป็นสีขาวครีม เขียว

  • มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ร่วมด้วย

  • แสบร้อนขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์

อันตรายจากการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด

  • ภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบ

  • คลอดก่อนกำหนด

  • ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

  • ติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน

  • ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ง่ายขึ้น

  • มีบุตรยากขึ้นกว่าผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกัน


แบคทีเรียในช่องคลอดมีผลต่อการมีลูกแค่ไหน


เมื่อแบคทีเรียภายในช่องคลอดขาดความสมดุล ส่งผลให้ช่องคลอดเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้น หากถ้าคุณแม่มีพฤติกรรมเสี่ยง อย่างการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือไม่ได้ทำความสะอาดช่องคลอดก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ง่ายยิ่งขึ้น และเมื่อติดเชื้อจากโรคดังกล่าวก็ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างปวดท้องน้อยเรื้อรังหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบที่ทำให้ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงมีปัญหา


นอกจากจะสร้างความรู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์จนไม่กล้ามีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่เกิดการตั้งครรภ์แล้ว หากฝืนมีเพศสัมพันธ์ไปก็มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยกว่าผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ หรือต่อให้ตั้งครรภ์ได้ก็เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก, แท้งบุตร รวมไปถึงการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วยค่ะ


รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดอย่างไรได้บ้าง

  • รักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาเมโทรนิดาโซลเมโทรนิดาโซล (Metronidazole), ยาคลินดามัยซิน (Clindamycin) ชนิดรับประทาน หรือยาทินิดาโซล (Tinidazole) ทั้งนี้ควรทานยาให้ครบตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรหยุดยาด้วยตัวเองเด็ดขาดเพื่อป้องกันการดื้อยาและกลับมาเป็นซ้ำได้ในอนาคต

  • เข้ารับการรักษากับสูตินรีแพทย์ โดยแพทย์จะตรวจภายในช่องคลอด ตรวจตกขาว หรือตรวจวัดค่า pH ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อหาความผิดปกติของช่องคลอด

  • ปรับพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อช่องคลอดง่ายโดยการทำความสะอาดช่องคลอดอย่างถูกวิธี ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นสูตรอ่อนโยน ไม่สวนล้างช่องคลอด, มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย มีคู่นอนเพียงคนเดียว สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

มีวิธีปรับสมดุลแบคทีเรียในช่องคลอดอย่างไรได้บ้าง


สำหรับวิธีเติมเต็มและปรับสมดุลของแบคทีเรียชนิดดีในช่องคลอดจะต้องเติมแลคโตบาซิลัสให้มีมากกว่าแอนแอโรบส์ ซึ่งทางครูก้อยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับปรับสมดุลภายในช่องคลอดอย่าง Ferty Probiotics By KruKoy เฟอร์ตี้ โพรไบโอติกส์ บาย ครูก้อย ที่อุดมไปด้วยมีจุลินทรีย์ชนิดดี 9 สายพันธุ์


ช่วยส่งเสริมภาวะเจริญพันธุ์ด้วยส่วนผสมหลักทั้ง 6 กระบวนการ ได้แก่ โพรไบโอติกส์ (Probiotics), พรีไบโอติกส์ (Prebiotics), สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant), กระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunity) อย่างยีสต์เบต้ากลูแคน (Yeast beta-glucan), ไฟเบอร์ (Fiber) และโฟลิก (Folic) ช่วยเพิ่มระดับจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีต่อร่างกาย ส่งผลให้ลดโอกาสเกิดการอักเสบที่เป็นสาเหตุของโรคทางสูติศาสตร์ เช่น ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic inflammatory disease), ภาวะถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS), ซีสต์รังไข่ (Functional Cyst) และอื่น ๆ อีกมากมาย เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังเตรียมตั้งครรภ์, คุณแม่กำลังตั้งครรภ์, คุณแม่หลังคลอด และผู้หญิงทุกคนที่ต้องการปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหารอีกด้วยค่ะ



บทความที่น่าสนใจ

 
 
 

Comments


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page