แม่ๆ หลายคนเคยสงสัยมั้ยคะว่า ทำไมปล่อยในตามธรรมชาติมา 5-6 ปี ถึงยังไม่ท้องสักทีทั้งที่อายุยังไม่ถึง 30 แถมยังดูแลตัวเองไม่ให้น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน ในความเป็นจริงนั้นคนที่ดูแลสุขภาพดีควรจะท้องตั้งแต่ช่วง 6 เดือนแรกของการมีเพศสัมพันธ์ หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนมีลูกไม่ได้สักทีอาจเกิดจากช็อกโกแลตซีสต์ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งวันนี้ครูก้อยจะพามาทำความรู้จักกับภาวะดังกล่าวเพื่อการรักษาที่ถูกวิธี

ช็อกโกแลตซีสต์คืออะไร
ช็อกโกแลตซีสต์เป็นชื่อเรียกหนึ่งของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เกิดจากเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในอุ้งเชิงกรานผ่านทางท่อนำไข่ ภายในเลือดดังกล่าวจะมีเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกที่ร่างกายกำจัดไม่หมดและฝังตัวตามจุดต่างๆ ในอุ้งเชิงกรานและรังไข่ จนกลายเป็นถุงน้ำสีน้ำตาลเหมือนช็อกโกแลต ซึ่งเกิดจากเลือดคลั่งอยู่ในถุงน้ำนั่นเอง
อาการของช็อกโกแลตซีสต์มีอะไรบ้าง
ปวดท้องมากกว่าปกติขณะมีประจำเดือน หรืออาจปวดขึ้นทุกเดือน อาจปวดตั้งแต่สะดือไปจนถึงอุ้งเชิงกราน
ปวดท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์
มีประจำเดือนนานกว่า 7 วัน
ประจำเดือนมาถี่กว่าปกติ
ปวดไมเกรนบ่อยโดยเฉพาะช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเลือด
ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากก้อนซีสต์เบียดกระเพาะปัสสาวะ
ปัสสาวะและอุจจาระเป็นเลือด
ท่อนำไข่ตีบตัน ทำให้ไข่เดินทางไม่สะดวกและฝังตัวอ่อนได้ไม่สมบูรณ์
คลำพบก้อนแข็งบริเวณตรงกลางหรือด้านข้างท้องน้อย (ระยะอันตราย)
ผู้ที่เสี่ยงต่อช็อกโกแลตซีสต์มีใครบ้าง
ผู้หญิงที่มีประจำเดือนก่อนวัยอันควร
ผู้หญิงที่เข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน (วัยทอง) ช้ากว่าปกติ
ผู้หญิงที่มีประจำเดือนออกมากและนานหลายวัน
ผู้หญิงที่มีรอบเดือนถี่ หรือมีระยะห่างระหว่างเป็นประจำเดือนสั้น
ผู้หญิงที่ไม่เคยมีลูกมาก่อน หรือมีลูกคนแรกเมื่ออายุมาก
ผู้หญิงที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคเดียวกัน
ผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟมากเกินไป
อันตรายจากช็อกโกแลตซีสต์ส่งผลให้มีลูกยากจริงมั้ย
นอกจากความรู้สึกปวดที่ส่งผลให้ลำบากต่อการใช้ชีวิตแล้ว บางกรณีอาจถุงน้ำแตกและปวดท้องแบบเฉียบพลันจนต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน หรืออาจพบท่อนำไข่อุดตันที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดด้วยเช่นกัน อีกทั้งมีผลทำให้มีลูกยากจนต้องพึ่งการทำเด็กหลอดแก้วในการตั้งครรภ์อีกด้วย ส่วนอาการหนักสุดโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจพัฒนากลายเป็นมะเร็งได้ แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 1% ก็ตาม
ตรวจหาช็อกโกแลตซีสต์ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
หลังจากการซักถามเบื้องต้นแล้ว แพทย์จะตรวจสุขภาพเพื่อประกอบการวินิจฉัยโรคด้วยการตรวจภายในบริเวณอุ้งเชิงกราน, อวัยวะเพศ และทวารหนักเพื่อตรวจหาความผิดของเยื่อบุมดลูก จากนั้นจึงตรวจอัลตราซาวด์ผ่านผนังหน้าท้องเข้าไปยังช่องท้องหรือสอดอุปกรณ์ตรวจเข้าไปในช่องคลอด หรืออาจใช้ยาชาเฉพาะที่และเปิดแผลใต้สะดือเพื่อสอดกล้องส่องตรวจความผิดปกติภายในช่องท้อง หากตรวจพบความผิดปกติใด แพทย์จะวินิจฉัยเพื่อหาทางรักษาต่อไป
รักษาช็อกโกแลตซีสต์ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
1. รักษาด้วยยา
โดยทั่วไปจะรักษาตามอาการ หากอาการไม่รุนแรงมากแพทย์จะใช้ยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เพื่อบรรเทาอาการปวดท้องน้อย เช่น ยาไอบรูโปรเฟน และยานาพรอกเซน รวมถึงยาฮอร์โมนเพศหญิง เพื่อลดหรือเพิ่มฮอร์โมนในช่วงรอบเดือน ป้องกันการฝังตัวใหม่ของเซลล์เยื่อบุมดลูก เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดรุนแรงและยังไม่ต้องการตั้งครรภ์ในช่วงนี้ เช่น ยาฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน และยาดานาซอล
2. รักษาด้วยการผ่าตัด
หากผู้ป่วยยังคงปวดท้องรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดส่องกล้องเพื่อเอาเซลล์เยื่อบุมดลูกออกจากรังไข่ จะช่วยให้ผู้ป่วยรักษาตัวเร็วขึ้นเนื่องจากมีแผลผ่าตัดขนาดเล็ก แถมยังช่วยให้มีลูกได้ในอนาคต แต่หากอาการเข้าขั้นวิกฤตจริงๆ อาจต้องผ่าตัดมดลูกหรือรังไข่ออก ทำให้ผู้ป่วยหมดประจำเดือนเร็วกว่าปกติและต้องใช้ฮอร์โมนทดแทน
ป้องกันช็อกโกแลตซีสต์ยังไงดี?
ถ้าไม่อยากให้เลือดประจำเดือนไหลย้อนเข้าไปในมดลูก ครูก้อยขอแนะนำหยิบดอกคำฝอยชงดื่มและเคี้ยวทั้งดอกเมื่อประจำเดือนมา โดยดอกคำฝอยที่เลือกนั้นต้องเป็นเกรดออแกนิคตามสูตรครูก้อย เนื่องจากสรรพคุณสำคัญนั้นอยู่ที่ตัวดอก กินอย่างน้อย 7-10 วัน หยุดแค่วันไข่ตก เพราะดอกคำฝอยมีฤทธิ์สลายลิ่มเลือด ขับล้างลิ่มเลือดบริเวณมดลูกออก รวมถึงดื่มน้ำมะกรูดให้เลือดไหลเวียน ประจำเดือนหมดแนะนำให้จัดแพ็คน้ำมันละหุ่ง ตามที่ครูก้อยบอกเลยค่ะ รับรองว่าไม่มีปัญหาช็อกโกแลตซีสต์มากวนใจคุณแม่อยากท้องอีกแน่นอน