ดูแลครรภ์อย่างไรให้ทารกในครรภ์ไอคิวสูง เป็นอีกเรื่องที่คุณพ่อและคุณแม่หลาย ๆ คนให้ความสำคัญตั้งแต่เจ้าตัวน้อยยังอยู่ในท้องเลยก็ว่าได้ค่ะกับ "ไอคิว" (IQ:Intelligence quotient) ซึ่งเป็นค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการเรียนรู้ การคิด และการแก้ไขปัญหาด้วยเหตุผลของมนุษย์เรานั่นเอง ทั้งนี้ยังเป็นค่าที่ใช้วัดความฉลาดของเราอย่างหนึ่งอีกด้วย
ดูแลครรภ์อย่างไรให้ทารกในครรภ์ไอคิวสูง คุณแม่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
การมีลูกน้อยเป็นเด็กเฉลียวฉลาด คือสุดยอดความปรารถนาของคุณพ่อคุณแม่ และไม่ใช่เหตุผลด้านพันธุกรรมแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะสมองที่พร้อมสำหรับการเรียนรู้ การเจริญเติบโตทางความคิดตามวัย และสติปัญญาที่ก้าวหน้านั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ หากปราศจากการดูแลที่เหมาะสม โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อการกระตุ้นพัฒนาการตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงคลอด ดังนั้น คุณแม่ท้องจึงต้องให้ความสำคัญในการดูแลตนเองตั้งแต่ช่วงขณะการตั้งท้องเลยนั่นเองค่ะ
IQ คืออะไร?
ไอคิว (Intelligence quotient: IQ) หรือ ระดับสติปัญญา คือความสามารถในการเรียนรู้ การคิด การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล ไอคิวจึงเป็นเครื่องชี้วัดความฉลาดอย่างหนึ่ง วัยเด็กเป็นช่วงอายุที่เหมาะต่อการพัฒนาสติปัญญาให้สมบูรณ์ เพราะนอกจากพันธุกรรมที่ส่งผลต่อระดับไอคิวของเด็กแล้ว การเลี้ยงดูเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกน้อยพัฒนาไอคิวได้เต็มศักยภาพ
ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อ IQ ของลูก?
ระดับไอคิวที่แตกต่างกันของแต่ละคนเป็นผลจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ทั้งพันธุกรรม สิ่งแวดล้อมรอบตัว และอาหารที่รับประทาน ดังนี้
พันธุกรรม
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าระดับไอคิวของคนเราเป็นผลมาจากยีนที่ได้รับจากพ่อแม่ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อว่ามียีนหลายตัวที่ส่งผลให้ระดับสติปัญญาแตกต่างกัน การตรวจหายีนเฉพาะที่เป็นตัวกำหนดความฉลาดของแต่ละคนยังเป็นเรื่องยาก
สิ่งแวดล้อม
การเลี้ยงดูของพ่อแม่ สภาพสังคมรอบตัว หรือการศึกษา เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อพัฒนาการด้านสติปัญญา
อาหารที่รับประทาน
สมองของคนเรามีพัฒนาการมากที่สุดในช่วง 3 ปีแรก การได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนในวัยเด็กจึงจำเป็นอย่างยิ่ง โดยมีงานวิจัยอ้างว่าการมีภาวะทุพโภชนาการในช่วงอายุ 1-5 ปี ไม่เพียงส่งผลให้เด็กมีการเจริญเติบโตทางด้านร่างกายผิดปกติ แต่ยังเกิดความบกพร่องทางพัฒนาการด้านสติปัญญา และมีระดับไอคิวลดน้อยลงด้วย
วิธีดูแลตนเองเพื่อกระตุ้น IQ ของลูกในครรภ์
คุณแม่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ค่ะ
คุณแม่ที่มีครรภ์และหญิงที่วางแผนมีบุตรควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน และอาหารที่ปนเปื้อนสารพิษ โดยเฉพาะอาหารทะเลที่ไม่สะอาด เพราะเสี่ยงต่อสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสมองของทารกในครรภ์ตกค้างในปริมาณสูง รวมทั้งเลี่ยงการสูบบุหรี่ การได้รับมลพิษ หรือการสูดดมสารเคมี เช่น สีที่ยังไม่แห้ง เป็นต้น
ทารกที่เกิดจากแม่ที่มีภาวะไฮโปไทรอยด์อาจมีไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน สตรีที่วางแผนมีบุตรหรือกำลังตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาให้อาการดีขึ้นเสียก่อน
คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ ที่มีเสียงดังหรือการฟังเสียงดังเป็นเวลานาน เพราะอาจส่งผลให้ทารกในครรภ์สูญเสียการได้ยินอย่างถาวรได้
นวดเบา ๆ ที่ท้องให้ลูกผ่อนคลาย คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่มีข้อห้ามเกี่ยวกับการนวด เพียงแต่ต้องนวดกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การนวดร่างกายเบา ๆ ครั้งละ 30 นาที-1 ชั่วโมง ควบคู่ไปกับการใช้โลชั่นกลิ่นจาง ๆ ที่คุณแม่โปรดปราน จะช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้แจ่มใสขึ้นได้มาก ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง สบายใจ มีผลต่ออารมณ์ของลูกในท้องด้วย เด็กที่อารมณ์ดีตลอดการตั้งครรภ์มักจะคลอดออกมาพร้อมสมองที่สมบูรณ์ และนำไปสู่การเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
ฟังเพลงคลาสสิก 10 นาที ลูกจะมี IQ สูง หูของทารกในครรภ์จะมีความสมบูรณ์ในสัปดาห์ที่ 20 และเริ่มต้นรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ในสัปดาห์ที่ 24 ได้ยินเสียงในสัปดาห์ที่ 30 สามารถแยกแยะเสียงได้ในสัปดาห์ที่ 34 หากเปิดดนตรีให้ลูกน้อยฟังระหว่างตั้งครรภ์ วันละครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที ทำสม่ำเสมอ โดยใช้หูฟังอันใหญ่เปิดเสียงดังพอประมาณ เลือกดนตรีคลาสสิกที่มีท่วงทำนองฟังสบาย อย่างเพลงของโมสาร์ทที่ขึ้นชื่อว่าช่วยกระตุ้นการได้ยิน เพิ่มไอคิว เสริมสร้างพัฒนาการทำให้สมองดีและเฉลียวฉลาดได้อย่างไม่ผิดหวังเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ระดับไอคิวไม่ใช่สิ่งเดียวที่ใช้วัดความฉลาดของแต่ละคน ยังมีตัวชี้วัดความฉลาดหลายรูปแบบ ได้แก่ ความฉลาดด้านมิติสัมพันธ์ ความฉลาดทางอารมณ์ หรือความฉลาดทางด้านดนตรี เป็นต้น ซึ่งสามารถส่งเสริมและพัฒนาได้เช่นเดียวกับการพัฒนาไอคิวของลูกด้วยนั่นเองค่ะ
Comments