📣 ใส่ตัวอ่อนกี่ครั้งก็ยังไม่ติด! ต้อง ERA test ตรวจสอบความพร้อมของผนังมดลูกก่อนย้ายตัวอ่อน เพิ่มโอกาสติดเบบี๋
top of page
ค้นหา

📣 ใส่ตัวอ่อนกี่ครั้งก็ยังไม่ติด! ต้อง ERA test ตรวจสอบความพร้อมของผนังมดลูกก่อนย้ายตัวอ่อน เพิ่มโอกาสติดเบบี๋



แม่ๆ หลายเคสมีปัญหาใส่ตัวอ่อนไม่ติด ย้ายหลายรอบตัวอ่อนก็ไม่ฝัง เพราะปัญหาผนังมดลูก! หากผนังมดลูกบาง ไม่หนาตัวพอ หรือผนังขรุขระ ผนังพริ้ว มดลูกมีเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ทั้งหมดเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน



.



ERA TEST หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Endometrial Receptivity Analysis Test ถูกพัฒนาและจดสิทธิบัตรโดยบริษัท Igenomix (PCT/ ES2009/000386)



.



เป็นการตรวจความพร้อมของเยื่อบุผนังมดลูก (Endometrium) ด้วยการวิเคราะห์การแสดงออกของยีน (gene expression) ที่เกี่ยวข้องกับความพร้อมของเยื่อบุผนังมดลูกในการฝังของตัวอ่อนมากกว่า 200 ยีน เพื่อช่วยวางแผนในการหาช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝังของตัวอ่อน (window of implantation)



.



ช่วงเวลาที่ตัวอ่อน Window of Implantation (WOI) เป็นช่วงนี้ที่ผนังมดลูกจะแสดงยีนบางอย่างที่ตอบสนอง ตอบกับ embryo หากย้ายตัวอ่อนในช่วงนี้ก็จะเพิ่มโอกาสฝังตัวนั่นเองค่ะ แต่ถ้าย้ายก่อนหรือเลยช่วงนี้ไปแล้ว โอกาสสำเร็จก็ลดลง



.



ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยง ของการไม่ฝังตัวของตัวอ่อน ด้วยการระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อน และกำหนดเวลาย้ายตัวอ่อน เพื่อหาช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดของผู้หญิงแต่ละคนในการใส่ตัวอ่อน จึงสามารถใส่ตัวอ่อนในช่วงระยะเวลาที่ดีที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้สำเร็จง่ายขึ้นค่ะ



.



มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Scientific Reports ในปี 2021 ศึกษาผู้หญิงที่มีบุตรยากและทำการย้ายตัวอ่อนจำนวน 2,256 ราย พบว่าการย้ายตัวอ่อนในช่วง WOI มีอัตราสำเร็จถึง 44.35% เมื่อเปรียบเทียบกับการย้ายตัวอ่อนที่คลาดเคลื่อนช่วง WOI



ดังนั้นการตรวจเยื่อบุโพรงมดลูก และย้ายตัวอ่อนในช่วง WOI อย่างแม่นยำ สามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จในการฝังตัวของอ่อนได้สูงขึ้น



.



นอกกจากนี้ทาง Igenomix เจ้าของสิทธิบัตรและบริษัทผู้พัฒนากระบวนการ ERA TEST ได้ออกมาเผยว่า ในการทำ ERA test มีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จเพิ่มขึ้น 72.5 % ต่อรอบของการทำเด็กหลอดแก้ว และเป็นการช่วยลดโอกาสการสูญเสียตัวอ่อนที่คุณภาพดีไปอย่างสูญเปล่า



.



โดยการ ERA Test มีขั้นตอนดังนี้



.


1. ทำการเก็บตัวอย่างเยี่อบุโพรงมดลูกด้วยการผ่าตัดชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัย (biopsy)


2. ทำการสกัด RNA ออกมาจากตัวอย่างเนื้อเยื่อ


3. เข้ากระบวนการ NGS analysis (Next Generation Sequencing) โดยการหาลำดับเบสของ RNA เพื่อดูการแสดงออกของยีนส์ที่เป็นตัวรับของเยื่อบุโพรงมดลูก


4. รอการวินิจฉัยผลจากแพทย์ เพื่อประเมิณช่วงเวลาที่เหมาะสมในการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก


5. กำหนดวันและเวลาใส่ตัวอ่อนตามผลที่แพทย์วินิจฉัย



.



แล้วใครบ้างที่เหมาะกับการทำ ERA Test ?



.



- คุณแม่ที่ได้ตัวอ่อนคุณภาพดี ผนังมดลูกปกติแต่ไม่ประสบผลสำเร็จในการตั้งครรภ์


- คุณแม่ที่มีตัวอ่อนจำนวนน้อยมาก จำเป็นต้องวางแผนอุดรอยรั่วให้ได้เยอะที่สุด



.


การตรวจ ERA test จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จอย่างไรก็ตามการเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมก่อนย้ายตัวอ่อนเป็นหัวใจหลักประการหนึ่ง หากมดลูกพร้อมจากภายใน ฮอร์โมนของร่างกายที่สมดุลก็จะช่วยเพิ่มความสมบูรณ์พร้อมของมดลูก เพิ่มโอกาสสำเร็จสูงขึ้นค่ะ

ดู 35 ครั้ง0 ความคิดเห็น
ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page