กำลังกังวลอยู่ใช่ไหม ..ว่ายาคุมฉุกเฉินและยาเลื่อนประจำเดือนหมดฤทธิ์ไปหรือยัง หรือฉันจะท้องยากไหมถ้าเคยกินยามากกว่า 1 ครั้ง มาค่ะเรามาทำความรู้จักวิธีการทำงานของยา และผลข้างเคียงกันนะคะ
ยาเลื่อนประจำเดือน (Period Delay Tablets)
ยาเลื่อนประจำเดือน หรือ ยาเลื่อนเมนส์ เป็นฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสเตอโรน จึงช่วยทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวนั้นไม่หลุดออกมา สำหรับผู้ที่ต้องการเลื่อนประจำเดือน จำเป็นต้องรู้วันที่แน่นอนของการมีประจำเดือนของตนเองเช่น ประจำเดือนมาทุกๆ วันที่ 3 และมาเป็นประจำ 3-5 วัน แสดงว่าไข่ตกประมาณวันที่ 17-22
ดังนั้นหากอยากเลื่อนประจำเดือนออกไปก็ต้องทำให้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนยังคงอยู่ ด้วยการกินฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเข้าไป ตามจำนวนวันที่ต้องการเลื่อน จากนั้นจึงค่อยหยุดกินยา ซึ่งทันทีที่หยุดยา เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน
ซึ่งยาเลื่อนประจำเดือน ไม่ได้มีผลระยะยาว จะมีผลเฉพาะในรอบเดือนที่เราทำการรับประทานเท่านั้น แต่อาจส่งผลให้ประจำเดือนรวน ทำให้ต้องมานั่งคำนวนวันตกไข่ใหม่ ผนังมดลูกไม่บาง แต่อีกไม่นานหลังจากรับประทานร่างกายจะกลับเข้าสู่ปกติ
ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency Contraceptive Pills, Morning - After Pills )
ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นยาป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้คุมกำเนิด หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น ถุงยางอนามัยฉีกขาด ฝ่ายหญิงลืมรับประทานยาคุมกำเนิด หรือแม้กระทั่งการถูกข่มขืน
.
ซึ่งการรับประทานยาคือผู้หญิงควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันควรรับประทานภายใน 72 ชั่วโมง ในปัจจุบันมียาคุมฉุกเฉินมี 2 ประเภทคือ แบบ 2 เม็ด และ แบบ 1 เม็ด การทำงานของตัวยาจะช่วยป้องกันการตกไข่ และอาจช่วยยับยั้งการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิกับอสุจิแล้วในเยื่อบุโพรงมดลูก แต่ไม่อาจยับยั้งไข่ที่ฝังตัวไปแล้วหรือช่วยให้ผู้ที่ตั้งครรภ์แท้งบุตรได้ และยังไม่พบว่าก่อให้เกิดความพิการต่อทารก
ในครรภ์
.
ผลข้างเคียงชองยาคุมฉุกเฉินจะคล้ายกับยาเลื่อนประจำเดือนคือไม่ได้ส่งผลระยะยาวแต่จะส่งผลให้ประจำเดือนเลื่อน มากระปริบกระปรอยในเดือนที่มีการใช้ยา ประจำเดือนรวน ในช่วง 1- 2 เดือนหลังจากนั้น ส่งผลให้จะมีโอกาสในการท้องเองตามธรรมชาติยาก แม้จะใช้บ่อยก็ไม่ได้ส่งผลให้ถึงขั้นผนังมดลูกบาง
.
รู้อย่างนี้แล้วแม่ๆ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ หากเคยกินยาเลื่อนประจำเดือน หรือยาคุมฉุกเฉิน อาจส่งผลต่อฮอร์โมนแค่ช่วงนั้นที่ใช้ยา แต่ไม่ส่งผลให้ท้องยากโดยตรงค่ะ แต่อาจจะทำให้ตั้งครรภ์ช้าไปได้เพราะเมื่อรอบเดือนเลื่อน รอบการตกไข่ก็อาจเลื่อนไป
.
เมื่อแม่ๆ เตรียมตั้งครรภ์แล้ว หัวใจสำคัญในการเพิ่มโอกาสคือการบำรุงไข่ บำรุงสเปิร์ม บำรุงมดลูก และการปรับสมดุลฮอร์โมน ซึ่งทำได้ด้วยการปรับโภชนาการให้ถูกต้อง การทานวิตามิน และปรึกษาแพทย์ควบคู่ไปด้วย บำรุงดีมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ