📣วางแผนมีเบบี๋ ต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้างนะ?
top of page
ค้นหา

📣วางแผนมีเบบี๋ ต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้างนะ?



ช่วงเวลาตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่จำเป็นต้องระมัดระวังในการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายเพราะอาจจะส่งผลกระทบไปยังลูกน้อยได้ รวมไปถึงการฉีดวัคซีน ดังนั้น ว่าที่คุณแม่ควรทราบว่า วัคซีนชนิดใดที่สามารถฉีดได้ช่วงตั้งครรภ์ หรือ ควรฉีดก่อนการตั้งครรภ์ และวัคซีนชนิดใดไม่สามารถฉีดได้ในช่วงตั้งครรภ์


.


ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกับวัคซีนกั่นก่อนนะคะ วัคซีนคือสารที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรค ร่างกายก็จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อสู้กับเชื้อโรคได้ ทำให้เกิดอาการป่วยที่ไม่รุนแรง หรืออาจจะไม่เกิดอาการป่วยเมื่อได้รับเชื้อโรคชนิดนั้นๆ


.


ซึ่งปกติแล้วคนไทยทุกคนควรได้รับวัคซีนพื้นฐานตามคำแนะนำของสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย 2561 ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 12 ปี



โดยในวัคซีนบางชนิดจะต้องฉีดกระตุ้นในทุก 1 ปี หรือ 10 ปี หรือโรคบางชนิด เช่นไข้หวัดใหญ่ก็ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันตามการแพร่ระบาดของเชื้อโรค แล้วในคุณแม่ที่เตรียมตั้งครรภ์หรือกำลังท้องอยู่ควรที่จะวางแผนการฉีดวัคซีนอะไรบ้าง? วันนี้มาทำความเข้าใจกันค่ะ



คุณแม่ที่กำลังเตรียมตั้งครรภ์มีวัคซีนที่สามารถฉีดได้ดังนี้



1.วัคซีนหัด- หัดเยอรมัน-คางทูม



•ฉีดจำนวนเข็ม 1 เข็ม ควรฉีดก่อนตั้งครรภ์ 1 เดือน



•เป็นวัคซีนที่รวม 3 โรคไว้ในเข็มเดียว จำเป็นต้องฉีด แต่ไม่ควรฉีดขณะตั้งครรภ์ เพราะอาจเกิดอันตรายกับลูกในท้องได้ ซึ่งอันตรายจาก 3 โรคนี้จะส่งผลต่อทารกในครรภ์คือ



- โรคหัด หากเป็นตอนท้อง อาจทำให้แท้งง่ายและคลอดก่อนกำหนด


- โรคหัดเยอรมัน อาจทำให้แท้งง่ายและคลอดก่อนกำหนดเช่นกัน รวมไปถึงทำให้ทารกตายในครรภ์และเกิดความพิการแต่กำเนิด อย่าง หูหนวก ตาบอด หัวใจและระบบประสาทผิดปกติ หากติดเชื้อก่อนท้อง 20 สัปดาห์และช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งท้อง ยิ่งมีโอกาสที่ทารกจะพิการสูง


- โรคคางทูม หากติดเชื้อตอนท้องอาจทำให้ทารกตายในครรภ์ หรือหัวใจพิการได้



.



2. วัคซีนอีสุกอีใส



•ฉีดจำนวนเข็ม 2 เข็มระยะเวลา ฉีดห่างกัน 1 เดือน ควรฉีดก่อนตั้งครรภ์ 2 เดือน


•หากติดเชื้อใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะส่งผลต่อความพิการของทารกในครรภ์ คือ ส่งผลให้สมองฝ่อ มีความผิดปกติของกระดูกขาและผิวหนัง



หากติดเชื้อตอนอายุครรภ์ใกล้ครบกำหนด จะยิ่งอันตรายต่อแม่และลูก คือส่งผลให้ปัญหาภาวะปอดอักเสบหรือระบบหายใจล้มเหลวในบางราย อาจจะมีอาการทางสมอง ทำให้ซึมลงและมีอาการชัก จนเกิดการเสียชีวิตได้ทั้งแม่และทารกในครรภ์



.



3. วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี



•ฉีดจำนวน 3 เข็มระยะเวลา ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน จากนั้นอีก 6 เดือนจึงฉีดเข็มที่ 3 หากตั้งครรภ์ในระยะการฉีด ควรหยุดฉีด รอให้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยฉีดต่อ



คุณแม่ท่านใดที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีนตัวนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะได้ประโยชน์ทั้งคุณแม่และลูก ในการป้องกันและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หากทารกติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแล้ว จะมีโอกาสเสี่ยงถึงเสียชีวิตได้ หรือมีตับอักเสบ ตับวาย ตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งในอนาคตตับจะเสี่ยงเป็นมะเร็งหรือเป็นตับแข็งสูงขึ้น




.



4. วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก




•ฉีดจำนวนเข็ม 3 เข็ม ระยะเวลา ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 2 เดือน จากนั้นอีก 6 เดือนจึงฉีดเข็มที่ 3หากตั้งครรภ์ในระยะการฉีด ควรหยุดฉีด รอให้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยฉีดต่อ



มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งในผู้หญิงที่พบเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งเต้านม การเป็นมะเร็งขณะตั้งครรภ์จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเด็กในครรภ์ได้ เพราะต้องมีการฉายรังสีเพื่อรักษาชีวิตของคุณแม่ ซึ่งการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนั้น สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70 – 90%



.



วัคซีนที่ตั้งครรภ์แล้วสามารถฉีดได้ดังนี้



1. วัคซีนคอตีบ - ไอกรน - บาดทะยัก



· ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการฉีดเพื่อให้ภูมิคุ้มกันไปสู่ลูกได้มากที่สุดคือ ขณะอายุครรภ์ 27 - 36 สัปดาห์ เป็นวัคซีน 3 ชนิด ที่ฉีดพร้อมกันใน 1 เข็ม



วัคซีนป้องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก เป็นวัคซีนที่จำเป็นสำหรับหญิงตั้งครรภ์ทุกคน ถึงแม้ว่าหญิงตั้งครรภ์ผู้นั้นจะเคยได้รับวัคซีนมาก่อนก็ตาม



สาเหตุที่ต้องฉีด เพราะขณะนี้โรคคอตีบได้กลับมาระบาดอีก ในรายที่รุนแรงอาจทำให้แม่และลูกในท้องเสียชีวิตได้ ส่วนโรคไอกรน พบว่าลูกที่ป่วยเป็นโรคไอกรนจะติดเชื้อมาจากแม่ ถ้าฉีดให้แม่ก็จะป้องกันให้ลูกที่คลอดออกมาได้ประมาณ 6 เดือน และวัคซีนป้องกันบาดทะยัก จะช่วยป้องกันการติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตรด้วย



2.วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่



· ควรได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เมื่ออายุครรภ์มากกว่า 4 เดือน หรือมากกว่า 14 สัปดาห์ หรือฉีดก่อนตั้งครรภ์และควรได้รับการกระตุ้นซ้ำทุกๆ 1 ปี



.



เพราะหากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ จะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ มากกว่าคนปกติ



วัคซีนที่ไม่ควรฉีดในช่วงตั้งครรภ์



.



วัคซีนที่ไม่ควรได้รับขณะตั้งครรภ์อยู่จะเป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น ที่จะอาจจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์เกิดการติดเชื้อและเกิดความพิการที่อวัยวะต่างๆ เช่น หู ตา หัวใจ แขน ขารวมไปถึงสมอง เช่นวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด และวัคซีนป้องกันคางทูม หัด และหัดเยอรมัน จึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนกลุ่มนี้ก่อนตั้งครรภ์มากกว่า 1 เดือน



.



เพราะการเตรียมตั้งครรภ์ ไม่ใช่แค่การให้ความสำคัญกับคุณแม่เท่านั้น แต่ยังต้องระวังสุขภาพโดยรวมของทารกในครรภ์เช่นเดียวกัน ดังนั้นแม่ที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ควรได้รับการคัดกรองการฉีดวัคซีนประจำปี ว่าฉีดวัคซีนชนิดใดไปแล้วบ้าง เพื่อที่จะได้วางแผนในการฉีดวัดซีนก่อนตั้งครรภ์ และในช่วงตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล นอกจากนี้ยีงช่วยในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่แม่และลูกน้อยที่กำลังจะเกิดด้วยค่ะ

ดู 6 ครั้ง0 ความคิดเห็น
ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page