ตกขาว ไม่ได้มีแค่สีขาว!ตกขาวสีไหน บอกอะไรบ้าง?
top of page
ค้นหา

ตกขาว ไม่ได้มีแค่สีขาว!ตกขาวสีไหน บอกอะไรบ้าง?




ตกขาว ไม่ได้มีแค่สีขาว!

ตกขาวสีไหน บอกอะไรบ้าง?


แม่ๆ หลายคนอาจมีความกังวลเรื่อง "ตกขาว" จริงๆแล้วตกขาวเป็นสารคัดหลั่งอย่างหนึ่ง (Vagina discharge) ที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอดตามธรรมชาติ มีหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ป้องกันการติดเชื้อ และระคายเคือง ซึ่งลักษณะ สี และปริมาณของตกขาว จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละช่วงของรอบเดือน โดยทั่วไปอาจมีลักษณะดังนี้


👉วันที่ 1-5 ของรอบเดือน: เป็นช่วงที่มีเลือดประจำเดือน


👉วันที่ 6-14 ของรอบเดือน: ส่วนมากจะมีตกขาวน้อยกว่าช่วงปกติ ตกขาวมีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง และอาจมีลักษณะเหนียวได้


👉วันที่ 14-25 ของรอบเดือน: ในช่วงก่อนวันตกไข่ ตกขาวอาจมีลักษณะเป็นเมือกลื่นๆ คล้ายไข่ขาว


หรือที่เรียกว่า "มูกไข่ตก" แต่หลังจากมีการตกไข่ ตกขาวจะกลับมามีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง อีกครั้ง


👉วันที่ 25-28 ของรอบเดือน: ก่อนมีประจำเดือน จะเป็นช่วงที่ตกขาวมีปริมาณน้อยลงมากจนจางหายไป



●สีของตกขาวบ่งบอกอะไรบ้าง?


🔴เฉดสีแดง: เลือดในช่วงที่มีประจำเดือน โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นทุก 28 วัน หรืออยู่ในช่วง 21-35 วัน และจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน แต่หากมีเลือดออกในช่วงอื่นนอกเหนือจากช่วงที่มีประจำเดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป


⚪เฉดสีขาว: ตั้งแต่สีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน ลักษณะเช่นนี้จะถือเป็นตกขาวปกติที่พบได้ทั่วไป แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีกลิ่น คัน หรือตกขาว


มีลักษณะขาวเหนียวร่วมกับมีอาการอื่น ลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อราได้


🟢เฉดสีเหลืองเขียว: ลักษณะสีเหลืองเข้ม เหลืองเขียว จนถึงเขียว เป็นเฉดสีที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีตกขาวเหนียวเป็นก้อนหรือมีกลิ่มร่วมด้วย


🔮เฉดสีใส: ตกขาวปกติส่วนใหญ่จะมีลักษณะเช่นนี้ คือ ใสหรือค่อนข้างขาว ลื่น ลักษณะคล้ายไข่ขาว


⚫เฉดสีเทา: ตกขาวสีเทาเป็นลักษณะเด่นของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด โดยอาจมีอาการแสดงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีกลิ่น คัน ระคายเคือง หรือมีอาการแดงบริเวณรอบๆ ช่องคลอด หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที



●ตกขาวผิดปกติกับการติดเชื้อในช่องคลอด?


ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีการติดเชื้อในช่องคลอด มักแสดงอาการผ่านทางลักษณะของตกขาว อาการคัน และกลิ่น โดย 3 โรคหลักที่เกี่ยวข้องกับตกขาวผิดปกติ ได้แก่


(1) การติดเชื้อราในช่องคลอด (VULVOVAGINAL CANDIDIASIS)


ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ CANDIDA ALBICANS แต่บางรายอาจเกิดจากเชื้อราชนิดอื่นได้


ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด ได้แก่ โรคเบาหวาน การใช้ยาปฎิชีวนะเป็นเวลานาน การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้นหรือได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากภายนอก (เช่น การ


ใช้ยาคุมกำเนิด ภาวะตั้งครรภ์) ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น การติดเชื้อเอชไอวี การได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน)


👉อาการ: ตกขาวมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก มักมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอด หรือมีอาการแสบร้อนในช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อตรวจภายในอาจพบการบวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด



(2) การติดเชื้อแบคทีเรีย (BACTERIAL VAGINOSIS)


เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีมีการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนจนมากกว่าเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่น ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น


มักสัมพันธ์กับการมีคู่นอนหลายคน การสวนล้างช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการขาดแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสใน


ช่องคลอด


👉อาการ: ส่วนมากจะไม่แสดงอาการผิดปกติ บางรายอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวมีสีเทา มีกลิ่นเหม็นเหมือนคาวปลา มีอาการคัน อาจมีปัสสาวะแสบขัดหรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย ส่วนอาการอักเสบในช่องคลอดหรือแสบร้อนบริเวณปากช่องคลอดพบได้น้อย



(3) การติดเชื้อทริโคโมแนส (TRICHOMONIASIS)

เกิดจากเชื้อโปรโตซัว TRICHOMONAS VAGINALIS (TV) ที่มักติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์


👉อาการ: ตกขาวมีสีเขียวเป็นฟองและมีกลิ่นเหม็น ร่วมกับมีอาการแสบร้อนและคันบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีการอับเสบ บวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด มีจุดเลือดออกบริเวณช่องคลอดและปาก


มดลูกที่มีลักษณะจำเพาะเรียกว่า Strawberry cervix


.


●เมื่อไหร่จึงควรไปพบแพทย์?


ผู้หญิงเราควรไปพบแพทย์เมื่อตกขาวมีลักษณะ สี หรือกลิ่น ผิดไปจากปกติ หรือมีอาการทางช่องคลอด เช่น


👉มีลักษณะแดง คัน เจ็บ แสบร้อน หรือระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศหรือช่องคลอด


👉ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง หรือมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก


👉ตกขาวมีสีเหลือง เขียว หรือเทา


👉มีเลือดหรือเลือดออกกะปริดกะปรอยในช่วงที่


ไม่มีประจำเดือน

👉มีกลิ่นรุนแรง


.

.


หากร่างกายปกติ ฮอร์โมนสมดุลร่างกายก็จะขับตกขาวออกมาแต่ละช่วงของรอบเดือนตามธรรมชาติ ยิ่งช่วงก่อนไข่ตกเรียกว่าว่า "มูกตกไข่" จะมีผลดีต่อการท้องได้ง่ายขึ้นเพราะมูกลื่นๆจะช่วยให้อสุจิว่ายผ่านเข้าไปง่ายขึ้น


แต่หากฮอร์โมนไม่สมดุล และเกิดการติดเชื้อตกขาวก็จะมีลักษณะต่างออกไป แม่ๆ สามารถดูแลสุขภาพในได้ด้วยการดื่มน้ำขิงดำ ซึ่งขิงดำมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติช่วยฆ่าเชื้อรา แบคทีเรียต่างๆ ดื่มขิงดำช่วยลดตกขาวได้ หรือ การดื่มน้ำมะกรูดผสมน้ำผึ้งชันโรงมีโพรไบโอติกส์ ช่วยรักษาสมดุลในมดลูกและจุลินทรีย์ในช่องคลอด


ซึ่งแม่ๆ ต้องหมั่นสังเกต หากมีอาการดังกล่าวข้างต้นต้องรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเกิดจากปัญหาของระบบสืบพันธุ์ร่วมด้วยก็ได้ เพื่อจะได้ทำการรักษาต่อไปค่ะ


_____________________________________________


📱ชมคลิปครูก้อยชงขิงดำ มีสรรพคุณช่วยลดตกขาวปกติ ป้องกันปากมดลูกอักเสบ สาหตุท้องยาก

คลิกชมเลยค่ะ

https://youtu.be/1eKfx4O_-DU

_____________________________________________


ดู 6,600 ครั้ง0 ความคิดเห็น
ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page