6 วิธี เตรียมบำรุงก่อนตั้งครรภ์
สำหรับผู้มีบุตรยาก
การบำรุงเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะผู้มีบุตรยาก ไม่ว่าจะเตรียมตัวทำ IUI, IVF, ICSI หรือวางแผนท้องธรรมชาติ หัวใจหลักคือต้องเตรียมตัว "บำรุงก่อนตั้งครรภ์" "ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน" ก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์
“ครูก้อย” ได้นำข้อสรุปจากการสืบค้นงานวิจัยเกี่ยวกับผู้มีบุตรยากจากทั่วโลก มาแบ่งปันให้ผู้หญิงที่มีผู้มีบุตรยากได้ศึกษา และเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์ เพื่อจะได้บำรุงได้อย่างตรงจุดเป็นการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
โดยครูก้อยได้ศึกษาและรวบรวมงานวิจัยเกี่ยวกับหลักโภชนาการในการรับประทานอาหารที่จะช่วยเสริมภาวะเจริญพันธุ์ ช่วยบำรุงไข่ บำรุงมดลูกและปรับสมดุลฮอร์โมนเพื่อเตรียมพร้อมตั้งครรภ์และสรุปออกมาเป็น 5 Keys to Success ให้ผู้หญิงที่มีบุตรยากโดยเฉพาะ ซึ่งหลักโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ (Fertility Diet) หรือ เรียกว่า "คัมภีร์อาหารของครูก้อย" นั้น คือ การทานอาหารให้หลากหลายและครบ 5 หมู่ ซึ่งประกอบไปด้วยอาการหมู่หลัก
(Macronutrients) และ วิตามินและแร่ธาตุ (Micronutrients) โดยมีหลักการดังนี้
1.เพิ่มโปรตีน
2.ลดคาร์บ
3.งดหวาน
4.ทานกรดไขมันดี
5.เน้นสารแอนตี้ออกซิแดนท์
และ ➕ 6.เสริมวิตามินบำรุง
เนื่องจากการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ร่างกายเราได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในแต่ละวัน เพราะเรารับประทานในปริมาณน้อย และสารอาหาร หรือ วิตามินบางชนิดร่างกายสามารถดูดซึมได้น้อยในรูปแบบของอาหาร และเราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าในอาหารที่รับประทานแต่ละมื้อได้รับวิตามินที่เพียงพอตามปริมาณที่ร่างกายต้องการได้รับหรือไม่ อีกทั้งสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุบางชนิดร่างกายไม่สามารถเองได้ ต้องได้รับจากการกินเสริมเข้าไปเท่านั้น
ดังนั้น หลักในการบำรุงเตรียมตั้งครรภ์ของครูก้อย คือ
อาหารหมู่หลัก Macronutrients 70% และเสริมวิตามินและแร่ธาตุ Micronutrients 30% ค่ะ
ครูก้อยจะเน้นเรื่องโภชนาการเป็นหลัก เพราะอาหารหมู่หลักสำคัญที่สุดค่ะ แต่ก็ไม่ขาดเรื่องวิตามินเสริมที่จะทำให้ร่างกายเราได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและจำเป็นสำหรับคนที่เตรียมตัวเป็นคุณแม่ค่ะ
🔑ครูก้อยใช้สูตรนี้ค่ะ อาหาร 70% วิตามิน 30%
"อาหารก็ต้องกิน วิตามินก็ห้ามขาด"
ครูก้อยได้สรุปเคล็ดลับการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ 6 วิธีการทานอาหาร เพื่อเพิ่มโอกาสท้องมาฝากแม่ๆ ดังนี้ค่ะ
1. เพิ่มโปรตีน
โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุดในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ การบำรุงไข่ให้ได้ไข่โตสวยสมบูรณ์และผนังมดลูกที่แข็งแรงนั้น แม่ๆต้องทานโปรตีนให้เพียงพอต่อวัน (คือเพียงพอต่อน้ำหนักตัว ซึ่งคนบำรุงต้องทานโปรตีนอย่างน้อย 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 ก.ก.)
📚งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Frontier in Public Health เมื่อปี 2018
ศึกษาพบว่า อาหารที่ถูกหลักโภชนาการส่งผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ที่เพิ่มขึ้น (Influence of Diet on Fertility) โดย "โปรตีน" เป็นสารอาหารหลักที่ขาดไม่ได้ ที่ช่วยบำรุงเซลล์ไข่ ช่วยให้ไข่ตกปกติ และสำหรับคนที่ทำเด็กหลอดแก้ว การทานโปรตีนเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มอัตราความสำเสร็จในการตั้งครรภ์อีกด้วย
ที่สำคัญต้องเลือกทานโปรตีนจากแหล่งที่ให้โปรตีนชั้นดี ให้โปรตีนสูง และปลอดภัย คนบำรุงเตรียมท้องควรเลือกทานโปรตีนจากพืช (Plant-Based Protein) โดยมีงานวิจัยศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ทานโปรตีนจากพืช ไขมันดี และวิตามินแร่ธาตุครบถ้วนมีความเสี่ยงเรื่องภาวะไม่ตกไข่ลดลงถึง 66%
📚ยังมีการศึกษาจาก Harvard School of Public Health พบว่า การทานโปรตีนจากสัตว์ที่อาจมีฮอร์โมนเร่งเนื้อแดงตกค้างและมีไขมันสูงทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงมีบุตรยากถึง 39%
📚 ยังมีอีกงานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of obstetrics and gynocology เมื่อปี 2008
ศึกษาพบว่าผู้หญิงที่เปลี่ยนการรับประทานโปรตีนจากสัตว์มาเป็นโปรตีนจากพืชอาจช่วยลดความเสี่ยงจากการมีบุตรยากเนื่องปัญหาเรื่องไข่ไม่ตกได้ถึง 50%
📚งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Fertility and Sterility เมื่อปี 2012
ศึกษาพบว่า ผู้ที่จะเข้ากระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ที่เปลี่ยนการรับประทานอาหารเป็นแบบลดคาร์โบไฮเดรต และ เน้นโปรตีนเพิ่มมากขึ้นก่อนที่จะเข้ากระบวนการทำ IVF
โดยเพิ่มโปรตีน 16.4%
ลดคาร์บ 22.3%
👉มีอัตราการเพิ่มจำนวนของบลาสโตซิสต์ (blastocyst) จาก18.9% เป็น 45.3%
👉ซึ่งการทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ร่างกายจะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลสะสมในร่างกาย จากการศึกษาพบว่าการทานอาหารแบบลดคาร์บลงนี้ส่งผลอย่างมากต่ออัตราการตั้งครรภ์
👉โดยจะมีอัตราการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นจาก 16.6% เป็น
83% เลยทีเดียวค่ะ
ดังนั้นผู้หญิงที่วางแผนท้อง ไม่ว่าจะด้วยการทำเด็กหลอดแก้วหรือท้องธรรมชาติ การเตรียมตัวให้พร้อมเรื่องการทานอาหาร โภชนาการที่ถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญค่ะ ควรเน้นทานอาหารที่ให้โปรตีนสูง จากแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ เช่น ไข่ เนื้อปลา นมแพะ อกไก่ โปรตีนจากพืช เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ งาดำ ควินัว เมล็ดฟักทอง เป็นต้น เพื่อบำรุงเซลล์ไข่ให้แข็งแรงสมบูรณ์ ทั้งนี้โปรตีนยังช่วยทำให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานอย่างสมดุลรวมไปถึงฮอร์โมนเพศที่เป็นสิ่งสำคัญในการตั้งครรภ์ ส่งผลต่อรอบเดือนที่สม่ำเสมอ วงจรการตกไข่ที่เป็นปกตินั่นเองค่ะ
การทานโปรตีนให้เพียงพอจึงส่งผลต่ออัตราความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว และ อัตราการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติยังไงล่ะคะ
สำหรับแม่ๆวางแผนท้องควรได้รับโปรตีน 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมค่ะ
.
2.ลดคาร์บ
ลดคาร์บในที่นี้คือคาร์บที่ไม่มีประโยชน์ คาร์บที่แม่ๆ ควรทานคือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carb) สำหรับคนไทยนั้นเราทานข้าวเป็นอาหารหลัก แต่ถ้าเน้นข้าวขาวเยอะไปก็ก่อให้เกิดโรคเบาหวาน หรือ โรคอ้วนตามมาได้ค่ะ
ข้าวให้สารอาหารคาร์โบไฮเดดรตซึ่งจำเป็นในการให้พลังงานแก่ร่างกาย การทานคาร์โบไฮเดรตจึงสำคัญ อย่างไรก็ตามเมื่อเราทานคาร์บเข้าไปแล้วร่างกายจะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วน ซึ่ง โรคเหล่านี้ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ยากทั้งสิ้น
แต่ถ้าเราเลือกทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carb) หรือคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ขัดสี เช่นพวกข้าวกล้อง ถั่ว ธัญพืช แฟล็กซีด งาดำ เมล็ดฟักทอง ขนมปังโฮลวีต อาหารเหล่านี้จะให้คาร์บเชิงซ้อนที่ร่างกายจะใช้เวลาย่อยนานกว่าพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว หรือ คาร์โบไฮเดรตที่ขัดสี (Refined Carb) เช่น ข้าวขาว แป้ง น้ำตาล ขนมปัง เบเกอรี่ เมื่อใช้เวลาย่อยนานกว่า จะให้พลังงานนานกว่า ไม่ทำให้หิวโหย ให้ไฟเบอร์สูง และไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว
(glucose) ซึ่งการทำงานของร่างกายนั้นจะเปลี่ยนกลูโคสที่มีมากเกินไปให้กลายเป็นไขมัน ดังนั้นคนที่พยายามลดความอ้วน หากลดการทานคาร์บได้ก็จะส่งผลต่อน้ำหนักที่ลดลงได้นั่นเองค่ะ
📚สำหรับแม่ๆที่วางแผนท้อง
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อปี 2017 ศึกษาพบว่าการทานอาหารแบบลดคาร์บประเภท Refined Carb ลง (Low Carbohydrate Diets) ช่วยลดระดับอินซูลิน ส่งผลต่อ ฮอร์โมนที่สมดุล วงจรการตกไข่เป็นปกติขึ้นทำให้มีอัตราการตั้งครรภ์สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่รับประทานอาหารตามปกติ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นจากงานวิจัยศึกษาพบว่าการลดคาร์บลงในการรับประทานอาหารต่อวันและเสริมโปรตีนเพิ่มขึ้นยังช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จจากการทำเด็กหลอดแก้วได้สูงถึง 83%
👉ครูก้อยจึงแนะนำให้แม่ๆ ทานคาร์บเชิงซ้อน ได้แก่ ธัญพืชเสริม Fertility ของครูก้อย
✔ธัญพืช Good Grain เป็นธัญพืชบดพร้อมชง
ประกอบไปด้วย อัลมอนด์ แฟล็กซีด และลูกเดือยให้คาร์บเชิงซ้อน และยังให้โปรตีนและกรดไขมันดี
✔งาดำแกนิกคั่วเตาถ่าน Pure Black เป็นงาดำเกรดออแกนิค คัดที่มีจมูกงา รักษาวิตามินไว้ครบถ้วน ในงาดำมีสาร "เซซามิน" สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ไข่ให้สวยสมบูรณ์ ครูก้อยจะเช๊คโปรตีน Ferty กับนมแพะคัดเกรดและใส่ Good Grain + งาดำออแกนิค ดื่มแบบนี้เช้า-เย็น เป็นการทานโปรตีนและคาร์บที่ถูกหลักโภชนาการ ได้สารอาหารหลากหลายและครบถ้วน
✔และไม่ลืมที่จะทานเมล็ดฟักทองออแกนิก (Pure Seed) วันละ 1 กำมือ เพิ่ม Zinc บำรุงไข่ให้สุกและตกตามปกติ โปรตีนสูง ไฟเบอร์สูง ให้กรดไขมันดีและช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย
.
3.งดหวาน
น้ำตาล คือตัวร้ายทำลายเซลล์ รวมไปถึงเซลล์ไข่ของแม่ๆ การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป หรือ ทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ที่เป็นแป้งเชิงเดี่ยว พวกข้าว
ขาว ขนมเค้ก เบเกอรี่ต่างๆ ซึ่งท้ายที่สุดเมื่อผ่านกระบวนการย่อยร่างกายก็จะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล ชอบทานแบบนี้ส่งผลให้เซลล์ไข่เสื่อม เสี่ยงเบาหวาน กระตุ้นอาการ PCOS ทำให้ร่างกายอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหุตของการมีบุตรยากทั้งสิ้น
📚มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Fertility and Sterility เมื่อปี 2012 ศึกษาพบว่า
การทานอาหารแบบลดน้ำตาลลง ส่งผลอย่างมากต่ออัตราการตั้งครรภ์ ซึ่งผู้ที่ทานอาหารไม่หวาน จะมีอัตราการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นจาก 16.6% เป็น 83% เลยทีเดียว
นอกจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไปจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนที่เป็นปัจจัยก่อให้เกิดโรคเบาหวานตามมาได้แล้ว หากกินน้ำตาลมาก ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินด้วย ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล เมื่อผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นก็จะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานมากกว่าปกติ
📚มีอีกงานวิจัยหนึ่งพบว่าการบริโภคน้ำตาลทุกๆ 150 แคลอรี่ อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานสูงขึ้นถึง 1.1 เปอร์เซ็นต์ โรคเบาหวานกับการมีบุตรยากเป็นเรื่องที่
แพทย์และนักวิจัยได้ศึกษาและมีผลวิจัยออกมาอย่างชัดเจนแล้ววาผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้นมีระดับกลูโคสในเลือดสูง ซึ่งระดับกลูโคสในเลือดสูงนี้เป็นภัยต่อการพัฒนาของบลาสโตซิสต์ (Blastocyst)
👉ระดับของกลูโคสส่งผลต่อภาวการณ์มีบุตรยากในประเด็นใดบ้าง❓
การมีระดับกลูโคสในเลือดสูงทำให้การหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขหรือ อะดรีนาลีนลดลง เมื่อร่างกายมีความเครียดจะมีผลให้ให้ฮอร์โมนไม่สมดุล ซึ่งจะส่งผลต่อการที่ร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับวงจรการมีประจำเดือน เมื่อประจำเดือนมาไม่ปกติส่งผลต่อการมีบุตรยากค่ะ
การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุในการเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ หรือ PCOS หากเกิดภาวะดื้ออินซูลิน (insulin resistance) ขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ไข่ไม่ตกเรื้อรัง ไข่ใบเล็ก ด้อยคุณภาพ
น้ำตาลส่งผลต่อโรคอ้วน หรือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความเสื่อมของสเปิร์มและเซลล์ไข่ ก่อนวัยอันควร
📚โดยมีงานวิจัยศึกษาผู้หญิงที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน (BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 25) ส่งผลให้ไข่ไม่ตก ประจำเดือนมาไม่ปกติ เซลล์ไข่ด้อยคุณภาพ ฮอร์โมนไม่สมดุล
หากใช้กระบวนการทางการแพทย์รักษาจะมีอัตราความสำเร็จต่ำกว่ากลุ่มที่น้ำหนักปกติ
ยิ่งถ้าค่า BMI แตะ 30 ส่งผลต่อการแท้งบุตรมากขึ้นด้วยค่ะ
👉โดยครูก้อยแนะนำคนวางแผนท้องที่อยู่ในช่วงบำรุงไข่ต้องงดหวานโดยเด็ดขาด โดยหากต้องการความหวานควรเลือกทาน "น้ำผึ้งชันโรง" และ "น้ำอินทผลัม” ค่ะ เพราะเป็นความหวานที่มีประโยชน์ ปลอดภัย มีงานวิจัยศึกษาพบว่าไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
✔#น้ำผึ้งชันโรง เป็นน้ำหวานจากตัวชันโรง เป็นแมลงตัวเล็กๆทร่ไม่มีเหล็กใน (Stingless bee) ซึ่งตัวชันโรงจะกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้เท่านั้น ไม่เหมือนผึ้งเลี้ยงที่กินน้ำตาล จึงทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีวิตามินและสารอาหารที่หลากหลาย และให้สารต้านอนุมูลอิสระ "ฟีนอลิก" (Phenolic) สูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป 5-10 เท่า ช่วย
ปกป้องเซลล์ไข่ให้สมบูรณ์
📚จากงานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Report เมื่อปี 2020 ศึกษาพบว่าเหตุผลที่น้ำผึ้งชันโรงส่งผลดีต่อผู้ป่วยเบาหวานเพราะในน้ำผึ้งชันโรงนั้นมีน้ำตาลชนิดพิเศษที่ขณะนี้พบในน้ำผึ้งชันโรงเท่านั้น ยังไม่พบในอาหารชนิดอื่นชื่อว่า Trehalulose ที่ไม่ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเฉียบพลันและยังเป็นน้ำตาลที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low Glycemic Index) และค่าดัชนีอินซูลินต่ำ ( Low Insulinemic Index) จึงเป็นน้ำตาลที่มีประโยชน์และปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นน้ำตาลที่ไม่ก่อให้เกิดฟันผุ (acariogenic) และยังให้สาร antioxidant สูงอีกด้วย
👉นอกจากนี้น้ำผึ้งชันโรงยังมี "โพรไบโอติกส์" (Probiotics) และ "พรีไบโอติกส์" (Prebiotics)
ลักษณะสีของน้ำผึ้งชันโรงและรสชาติเปรี้ยวอมหวานเกิดจากการหมักบ่มตามธรรมชาติจากจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้และมดลูก
👉น้ำผึ้งชันโรงยังมีฤทธิ์ต้านการการอักเสบ (Anti-inflammatoty) ช่วยปกป้องเซลล์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ร่างกายไม่เจ็บป่วยง่าย
📚จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Brazilian Journal of Phamacognosy เมื่อปี 2016 ศึกษาถึงสรรพคุณของน้ำผึ้งชันโรงต่อ fertility พบว่า น้ำผึ้งชันโรงช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการท้องยากเพราะเมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อว่าคอร์ติซอลออกมาและจะขัดขวางสมดุลของฮอร์โมนเพศ
👩นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มโปรเจสเตอร์โรนหรือฮอร์โมนเพศหญิงและเพิ่มอัตราสำเร็จของการตั้งครรภ์อีกด้วย
👦น้ำผึ้งชันโรงยังส่งผลดีต่อภาวการณ์เจริญพันธุ์ในผู้ชายโดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับฮอร์โมนเพศชายที่เกี่ยวข้อง
📚จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Hindawi Advances in Pharmacological and Pharmaceutical Sciences เมื่อปี 2018 และจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Toxicology and Industrial Health เมื่อปี 2012 ได้มีงานวิจัยในหนูทดลองโดยให้ทานน้ำผึ้งชันโรงพบว่า น้ำผึ้งชันโรงช่วยปรับปรุงคุณภาพของสเปิร์มดังนี้
✅เพิ่มระยะเวลา (Intromission)
✅เพิ่มการหลั่ง (Ejaculation)
✅เพิ่มจำนวน (Count)
✅เพิ่มการเคลื่อนไหว(Motility) และ
✅เพิ่มคุณภาพ (Quality) ของสเปิร์ม
✔#น้ำอินทผลัมคั้นสด 100% Pure Heaven
อืรทผลัมผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน ให้ความหวานที่มีประโยชน์
📚มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition Journal เมื่อปี 2011 ศึกษาพบว่าความหวานของอินผลัมไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานก็ทานได้อย่างปลอดภัย และในอินทผลัมยังมีมีสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) สูงมาก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงไข่อีกด้วย
น้ำอินทผลัมยังมีธาตุเหล็กและไฟเบอร์สูง ผู้หญิงที่เตรียมตั้งครรภ์ควรดื่มเพื่อเพิ่มธาตุเหล็ก ป้องกันภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ และยังเหมาะสำหรับผู้หญิงที่ใส่ตัวอ่อนเพราะช่วยลดอาการท้องผูก นอกจากนี้สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ควรดื่มก่อนคลอดเพราะน้ำอินทผลัมช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง คลอดง่าย และยังช่วยกระตุ้นน้ำนม เป็นการเตรียมน้ำนมให้พร้อมสำหรับลูกน้อย
📚จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Recent Advance in Multidisciplinary Research เมื่อปี 2016 ได้สรุปประโยชน์ของอินผลัมต่อการบำรุงสเปิร์มของผู้ชาย ซึ่งงานวิจัยศึกษาพบว่าในอินทผลัมนั้นมีสารไฟโตเคมิคอล (phytochemical) จีนิสทีน (genistein) วิตามิน A ซีลีเนียม (Selenium) และฟีลกูลีน สูง
✅ช่วยพัฒนากระบวนการสร้างสเปิร์ม (spermatogenesis)
✅ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศของผู้ชาย (Improve the concentration of Testosterone)
✅และช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย โดยช่วยบำรุงการหลั่งน้ำเชื้อของเพศชายอีกด้วย
.
4. ทานกรดไขมันดี
หากบำรุงเตรียมท้องสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ "ไขมัน"
ค่ะ แต่แม่ๆต้องเข้าใจก่อนนะคะว่าต้องทาน "ไขมันดี" ไม่ใช่เนื้อติดมัน อาหารฟาสต์ฟูดที่มีไขมันทรานส์ หรือของมัน ของทอด แต่เป็นไขมันดี (HDL) หรือ ไขมันไม่
อิ่มตัว (unsaturated fat) หรือ โอเมก้า 3 ที่มีในปลาทะเล Fish Oil อะโวคาโด ธัญพืชจำพวก งาดำออแกนิคคั่วเตาถ่าน (Pure Black) แฟล็กซีดและอัลมอนด์จากธัญพืชบด Good Grain เมล็ดฟักทองออแกนิค (Pure Seed) น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย เป็นต้น
ไขมันดีมีความจำเป็นอย่างมากต่อระบบสืบพันธุ์เพศหญิง โดยร่างกายต้องใช้ไขมันในการผลิตฮอร์โมนเพศ หากร่างกายไม่ได้รับไขมันดีอย่างเพียงพอร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศได้น้อยลง ส่งผลให้ฮอร์โมนไม่สมดุล
📚จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition เมื่อปี 2016
ศึกษาพบว่าการรับประทานการรับประทานโอเมก้า 3 ช่วยให้ฮอร์โมนสมดุล การตกไข่เป็นปกติ และยังช่วยให้ไข่มีคุณภาพ
👉นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวสำคัญในการทำให้มดลูกหนาตัวเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์อีกด้วย
👉ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับผู้หญิงที่ต้องใช้กระบวนการ
ทางการแพทย์ในการทำด็กหลอดแก้ว การได้รับโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ล่วงหน้าก่อนเข้าสู่กระบวนการส่งผลต่ออัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์อีกด้วย
.
5. เสริมสารแอนตี้ออกซิแดนท์
แม่ๆรู้ไหม เซลล์ไข่ ของแม่ๆจะเสื่อมลงทุกวันตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น ประกอบกับเซลล์ไข่สามารถถูกทำลายจาก "อนุมูลอิสระ" (Free Radicals) ได้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงต้องทานอาหารที่มี "สารต้านอนุมูลอิสระ" (Antioxidants) สูงที่จะเข้าไปช่วยปกป้องน้องเซลล์ไข่ยังไงล่ะคะ
👉สารต้านอนุมูลอิสระคืออะไร❓
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) หมายถึงสารที่ช่วยต่อต้านหรือกำจัดอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาออกซิเดชันภายในร่างกาย ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวสามารถพบได้จากหลากหลายรูปแบบตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนออกซิเดชั่นที่ทำให้เหล็กกลายเป็นสนิม น้ำมันพืชที่มีกลิ่นเหม็นหืน ผลแอปเปิลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
แต่หากเป็นในร่างกายเราจะพบได้จากกระบวนการการย่อยสลายโปรตีนและไขมัน ซึ่งมาจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป การรับเอามลพิษทางอาการ ควันบุหรี่ เชื้อโรค ฝุ่นละออง การรับเอารังสียูวีจากแสงแดด
หรือแม้กระทั่งการหายใจก็ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ กลายเป็นสารอนุมูลอิสระล่องลอยอยู่ภายในร่างกายและสร้างความเสียหายให้กับเซลล์ต่างๆ การมีสารอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมากในร่างกายจะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยและโรคภัยที่เราเผชิญกันอยู่ทุกวันนี้ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับแข็ง และโรคเบาหวาน เป็นต้น
👉สารต้านอนุมูลอิสระทำงานอย่างไร❓
หน้าที่ของสารต้านอนุมูลอิสระ ก็คือการเข้ากำจัดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย และยังทำหน้าที่ชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ ทำหน้าที่คงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวและอวัยวะภายใน ดังนั้นบทบาทหลักของสารต้านอนุมูลอิสระ คือทำหน้าที่ "ลดการสร้าง" อนุมูลอิสระภายในร่างกาย และ "ลดอันตราย" ที่เกิดขึ้น
การเข้าไปทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ จะเข้าไปจับกับตัวรับที่สามารถยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน สารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะทำปฏิกิริยาต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ เข้าไปทำลายเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระจะตรงเข้าขัดขวางปฏิกิริยาดังกล่าว เข้าจับกับสารอนุมูลอิสระ ยับยั้งไม่ให้เกิดการทำลายเซลล์ในปฏิกิริยาออกซิเดชัน และถูกออกซิไดซ์ โดยมีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นตัวรีดิวซ์
📚มีงานวิจัยศึกษาถึงประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีผลต่อภาวะเจริญพันธ์ พบว่า
การทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปขัดขวางการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระ ช่วยกำจัดสารพิษในร่างกายที่จะมาทำลายเซลล์ไข่ของแม่ๆค่ะ
ยังช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ จึงช่วยลดความเสื่อมสภาพของร่างกาย ช่วยคงความอ่อนเยาว์ และมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น
ดังนั้น เมื่อแม่ๆ วางแผนตั้งครรภ์จึงต้องบำรุงเซลล์ไข่ให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อจะได้มีวัตถุดิบที่มีคุณภาพ แม่ๆ ก็จะมีโอกาสท้องธรรมชาติได้ค่ะ
📚ยังมีงานวิจัยศึกษาพบว่า สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว สาเหตุหลักของการทำเด็กหลอดแก้วแล้วไม่ประสบความสำเร็จมาจากตัวอ่อนที่ไม่สมบูรณ์ (รองลงมาคือปัญหาเรื่องผนังมดลูก) ซึ่ง ตัวอ่อนที่ไม่สมบูรณ์อาจมาจากโครโมโซมผิดปกติ สืบเนื่องมาจากเซลล์ไข่มีความเสื่อมจากอนุมูลอิสระ หรือไข่ที่ไม่สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นนั่นเอง เมื่อเกิดการรวมตัวกับ DNA แล้วทำให้โมเลกุลของ DNA เปลี่ยนไป ส่งผลให้โครโมโซมเสียหาย หรือเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ชั้น lipid ซึ่งเป็นองค์ประกอบในผนังเซลล์ทำให้เซลล์ไข่เสื่อมสภาพ (Oocyte aging)
นอกจากนี้อนุมูลอิสระจะสร้างความเสียหายต่อเซลล์ไข่ได้มากยิ่งขึ้นในกระบวนการ “ทำเด็กหลอดแก้ว” เนื่องจากเซลล์ไข่ที่เก็บออกมา จะไม่มีของเหลวที่เรียกว่า “follicular fluid” ป้องกันอยู่เหมือนในร่างกายมนุษย์ ทำให้เซลล์ไข่ถูกทำลายและเสื่อมสภาพเร็วขึ้นไปอีก
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการเตรียมเซลล์ไข่ให้มีคุณภาพที่ดีที่สุด และถูกทำลายน้อยที่สุดก่อนเข้ากระบวนการทางการแพทย์ด้วยการทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระค่ะ
อาหารที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ส้ม มะนาว มะกรูด ผักผลไม้ เช่น ผักเคล ผักโขม กะหล่ำม่วง มะเขือเทศ บีทรูท แครอท ทับทิม ธัญพืช เช่น ถั่วต่างๆ งาดำ ควินัว แฟล็กซีด
แม่รู้ไหม ในน้ำมะกรูดคั้นสดอุดมไปด้วยวิตามินซีสด "ไบโอฟลาโวนอยด์" และสารต้านอนุมูลอิสระ "เควอซิทีน"
วิตามินซี จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ไข่ไม่ให้ถูกทำลาย สมบูรณ์พร้อมรับการปฏิสนธิ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
มีการศึกษาพบว่าในน้ำมะกรูดไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonid) สูงถึง 1,104±74 มิลลิกรัม ต่อมะกรูด 100 กรัม ไบโอฟลาโวนอยด์หรือวิตามินพีเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามินซี และยังช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และเส้นเลือดฝอย โดยเฉพาะบริเวณมดลูกที่มีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงจำนวนมาก ทำให้มดลลูกแข็งแรง เพราะมีเลือดไปเลี้ยงอย่างเพียงพอ ส่งผลให้ตัวอ่อนฝังตัวง่ายขึ้น
ไบโอฟลาโวนอยด์ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการ
อักเสบ และการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะที่มดลูก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการแท้งในระยะเริ่มต้น และ ไบโอฟลาโวนอยด์ยังไปเสริมการทำงานของวิตามินซีที่ช่วยเรื่องการเพิ่มระดับฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญในการตั้งครรภ์
📚มีงานวิจัยจาก The University of Texas ศึกษาพบว่าผู้หญิง 53% ที่ทานอาหารวิตามินซี และไบโอฟลาโวนอยด์สูงจะมีช่วงลูเตียลเฟส (Luteal Phase) ยาวขึ้น
ลูเตียลเฟส คือระยะหลังการตกไข่ที่ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น ร่างกายจะสร้างมดลูกให้หนาขึ้นพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากช่วงระยะเวลานี้สั้นโอกาสในการฝังตัวของตัวอ่อนก็ลดลง
ในน้ำมะกรูดคั้นสดมีสารต้านอนุมูลอิสระ "เควอซิทีน" สูงที่สุด
📚โดยการศึกษาเปรียบเทียบปริมาณ “สารเควอซิทิน”ในผักผลไม้รสเปรี้ยวชนิดต่างๆ พบว่าในมะกรูดมีสารเควอซิทินสูงที่สุดถึง 43±9 มิลลิกรัม ต่อมะกรูด 100 กรัม
ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเควอซิทีนมีสรรพคุณในการ
ช่วยบำรุงเซลล์ไข่ ป้องกันเซลล์ไข่จากการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ ทำให้ไข่สวยสมบูรณ์ เพื่มโอกาสตั้งครรภ์
📚จากงานวิจัย ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Oncotarget เมื่อปี 2017 ศึกษาพบว่า สารเควอซิทินช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ไข่ โดยปริมาณสารต่อต้านอนุมูลอิสระ “Quercetin” ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เปอร์เซ็นต์ความผิดปกติของเซลล์ไข่ลดลงอย่างมาก
โดยเฉพาะการเลี้ยงไข่ที่ 24 ชั่วโมง จะเห็นว่าหากไม่มี “สารต้านอนุมูลอิสระ เควอซิทิน” ไข่จะฝ่อเสียหายเกือบ 80% แต่ในกรณีที่มีเควอซิทินเพียง 10 ไมโครโมลาร์ จะช่วยลดความเสียหายได้เกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในความสำเร็จจนถึงระดับบลาสโตซีสต์ได้อีกเท่าตัว
🍋เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์น้ำมะกรูด SHOT by ครูก้อย “สูตรผู้มีบุตรยาก” บำรุงไข่ บำรุงมดลูก เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ คลิกลิ้งค์นี้เลยค่ะ→
https://www.babyandmom.co.th/citrus-hystrix
.
6.วิตามินบำรุงห้ามขาด
📚จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Clinical Medicine Insight Womens Health เมื่อปี 2019
ได้รวบรวมผลการศึกษา ถึงความสำคัญของ micronutrients ซึ่งได้แก่ "วิตามินและแร่ธาตุ" ที่จำเป็นที่ผู้หญิงวางแผนท้องที่ควรได้รับล่วงหน้าก่อนตั้งครรภ์
👉งานวิจัยศึกษาพบว่าสาเหตุของภาวะมีบุตรยากนอกจากการทานอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการแล้ว การขาดวิตามินและแร่ธาตุก็เป็นสาเหตุหลักประการหนึ่ง เพราะวิตามินและแร่ธาตุมีบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้อย่างปกติและสมบูรณ์ รวมถึงระบบสืบพันธุ์ด้วย
👉การได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอนอกจากจะส่งผลให้ผู้หญิงมีลูกง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงทารกพิการแต่กำเนิด
✔ส่งผลต่อคุณภาพและการเจริญเติบโตของเซลล์ไข่ (oocyte quality and maturation)
✔การปฏิสนธิ ( fertilization)
✔การฝังตัวของตัวอ่อน (implantation)
✔การเจริญเติบโตของตัวอ่อน (embryo development)
✔ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของภาวะเจริญพันธุ์อีกด้วย
เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ OvaAll 💊วิตามินตัวจบ สยบทุกปัญหาท้องยาก วิตามินบำรุงไข่ที่ครบที่สุด เพื่อผู้มีบุตรยาก
คลิกลิ้งค์นี้ค่ะ →
https://www.babyandmom.co.th/product/ovaall/
และนี่คือ 6 วิธีเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากจากครูก้อยค่ะ กินแบบนี้ เพิ่มโอกาสมีเบบี๋นะคะ
บำรุงเตรียมท้อง "อาหารก็ต้องกิน วิตามินก็ห้ามขาด" ต้องเน้นอาหาร 70% วิตามิน 30% บำรุงก่อนท้องล่วงหน้า 3 เดือน ยิ่งบำรุงอย่างถูกต้อง ถูกวิธี และต่อเนื่อง โอกาสประสบความสำเร็จก็จะมีมากขึ้นเท่านั้นค่ะ เมื่อ
บำรุงร่างกายได้อย่างสมบูรณ์พร้อมที่สุด ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์และเป็นครรภ์ที่สมบูรณ์แข็งแรงค่ะ
Comments