top of page
ค้นหา

ใครว่าท้องแล้วต้องโทรม แม่ท้องก็ทำสวยได้ แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมไม่กระทบต่อลูกน้อยในครรภ์

แม่ๆที่ท้องอยู่คงกังวลใจไม่ใช่น้อยเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง หน้า ผม ผิว เล็บ พอมีลูกแล้วเราจะสวยเหมือนเดิมไหมนะ? อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ กลัวไปหมดว่าจะกระทบไปยังเจ้าเบบี๋ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ แม่ๆไม่ต้องกังวลล่วงหน้าขนาดนั้น จริงอยู่ที่การดูแลตัวเองบางอย่างทำไม่ได้แต่มีบางอย่างที่แม่ยังทำได้อยู่ มีอะไรบ้างไปดูกันเลยค้าา


● ทำสวยแบบไหนที่แม่ท้องแล้วยังทำได้อยู่


1. การทำเล็บ แต่ขอวงเล็บก่อนนะคะว่าต้องทาสีแบบออแกนิกเท่านั้น


นิ้วมือเป็นอีกหนึ่งอวัยวะสำคัญ นอกจากจะใช้งานในการหยิบจับสิ่งของได้แล้ว ความสวยงามของสีเล็บเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถมองนิ้วมือของตัวเองแล้วอารมณ์ดีขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล แต่สีที่ใช้ในการทาเล็บล้วนเต็มไปด้วยสารเคมี เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์เป็นสารที่จัดว่าเป็น สารก่อมะเร็ง (carcinogen) การได้รับสารนี้ในปริมาณสูงและต่อเนื่องอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติในการพัฒนาของทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นถ้าแม่ๆอยากทำเล็บแนะนำให้


✓เลือกผลิตภัณฑ์ "ปลอดสารพิษ" (Non-Toxic / "Free") ไม่ว่าจะเป็นยาทาเล็บธรรมดาหรือสีเจล ให้มองหาฉลากที่ระบุว่า "Free" จากสารเคมีอันตรายต่างๆ

✓เลี่ยงการทำเล็บเจล หากไม่มั่นใจเรื่องแสง UV/LED ยาทาเล็บธรรมดาเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เพราะไม่ต้องใช้เครื่องอบแสง

✓ทำในที่อากาศถ่ายเทดีเยี่ยม เพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมไอระเหยของสารเคมีและกลิ่น

✓เน้นความสะอาด ร้านและอุปกรณ์ต้องสะอาด ได้รับการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

✓ ถ้าไม่สบายตัว ให้หยุดพักทันที และควรหลีกเลี่ยงในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์หากเป็นไปได้

หลีกเลี่ยงในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากเป็นช่วงที่ทารกกำลังสร้างอวัยวะสำคัญ และร่างกายคุณแม่เองก็อาจมีอาการแพ้ท้องหรือไวต่อสิ่งต่างๆ เป็นพิเศษ

✓หลีกเลี่ยงในช่วงใกล้คลอด เมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด คุณหมออาจแนะนำให้ล้างสีเล็บออก เพื่อให้สามารถสังเกตสีเล็บ (ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การไหลเวียนโลหิต) ในกรณีฉุกเฉินขณะคลอดได้


2. ตัดผม / ไดร์ผม / ม้วนผม


การดูแลเส้นผมเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้คุณแม่รู้สึกดีและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แม้ในช่วงตั้งครรภ์ก็สามารถดูแลเส้นผมให้สวยเปล่งประกายได้ หากระวังในเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ใช้และวิธีการทำผมอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในช่วงที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงมาก อาจส่งผลให้หนังศีรษะและเส้นผมไวต่อสารเคมีมากกว่าปกติ


ดังนั้นคุณแม่สามารถตัดผม ไดร์ผม หรือม้วนผมได้อย่างปลอดภัยหาก...

✓เลือกผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่อ่อนโยน เช่น สเปรย์หรือมูสที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีสารเคมีระเหยหรือน้ำหอมแรง

✓หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสูงบ่อยๆ เพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เส้นผมแห้ง เปราะง่าย ควรใช้ไดร์เป่าผมหรือเครื่องม้วนผมที่มีระบบควบคุมความร้อน

✓ไม่ใช้สารเคมีเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผม เช่น ยืด ดัด หรือย้อมผมในช่วงนี้ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรก เพราะหนังศีรษะอาจดูดซึมสารเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย

✓ทำผมในที่อากาศถ่ายเทดี เพื่อลดการสูดดมกลิ่นเคมีจากผลิตภัณฑ์


สรุปแล้วแม่ท้องสามารถ ตัดผมได้ ไดร์ผมได้ ม้วนผมได้ แต่ต้องเลือกอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีความออแกนิก 100% เช่นแชมพูหรือครีมนวดมะกรูดที่อ่อนโยน และช่วยบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึก และช่วยลดอาการขาดหลุดร่วงได้อีกด้วย


3. การเลือกใช้สกินแคร์ที่ปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์


ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปส่งผลให้ผิวคุณแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น ผิวแห้ง ผิวไวขึ้น สิวขึ้น หรือเกิดฝ้า จึงยิ่งต้องใส่ใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยเฉพาะใน 3 เดือนแรกที่ทารกกำลังสร้างอวัยวะสำคัญ

การเลือกสกินแคร์ที่ปลอดภัยควรยึดหลัก “น้อยแต่มาก” และ “ธรรมชาติดีที่สุด”

เลี่ยงสารต้องห้าม ได้แก่

  Retinoids (Retinol, Tretinoin)

  Salicylic acid (ความเข้มข้นสูง)

  Hydroquinone, Phthalates, Parabens

  น้ำหอมสังเคราะห์ และแอลกอฮอล์บางชนิด

มองหาคำว่า

  Pregnancy-Safe, Hypoallergenic

  Fragrance-Free, Non-Toxic

  Vegan Skincare (สกินแคร์วีแกนที่ปราศจากส่วนผสมจากสัตว์ และไม่ทดลองในสัตว์)

จุดเด่นของ “ครีมวีแกน” สำหรับคุณแม่คือ ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ เช่น นมผึ้ง, คอลลาเจนจากปลา ไขผึ้ง ไม่ทดลองในสัตว์ (Cruelty-Free) ส่วนใหญ่มาจากพืชธรรมชาติ ปลอดภัย อ่อนโยน ลดโอกาสแพ้ เพราะไม่มีโปรตีนจากสัตว์ที่อาจกระตุ้นผิวบอบบาง


อยากดูแลผิวให้สุขภาพดีในช่วงตั้งครรภ์ทำได้ค่ะ เพียงเลือกสกินแคร์ที่ “สะอาด อ่อนโยน” และ “วีแกน” ก็ช่วยให้คุณแม่ดูแลตัวเองได้อย่างมั่นใจ ทั้งปลอดภัยต่อลูกน้อย และสบายใจในระยะยาว


4. การมาร์กหน้า


การมาร์กหน้าเป็นการเติมน้ำให้ผิว เติมความสดชื่น และช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างดี โดยเฉพาะในวันที่อ่อนล้าหรือผิวแห้งจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง แต่...ช่วงตั้งครรภ์ผิวจะไวเป็นพิเศษ จึงต้องระวังเรื่อง “ส่วนผสม” และ “ความปลอดภัย” ของมาสก์มากกว่าปกติ


 สามารถมาร์กหน้าได้ หากปฏิบัติดังนี้

เลือกมาสก์ที่ไม่มีสารกระตุ้นผิวรุนแรง เช่น

  AHA / BHA / Glycolic Acid (กรดผลไม้, กรดผลัดเซลล์)

  Fragrance (น้ำหอมสังเคราะห์)

  Retinol / Whitening ที่แรงเกินไป


มาสก์ที่เหมาะกับคุณแม่ ควรเป็น

  สูตรให้ความชุ่มชื้น เช่น Hyaluronic acid, Aloe vera, Cucumber

  สูตรปลอบประโลมผิว เช่น Calendula, Centella, Chamomile

  สูตรวีแกน ไม่มีสารจากสัตว์ และไม่ทดลองในสัตว์


หลีกเลี่ยงมาสก์แผ่นที่มีกลิ่นแรงหรืออุดตันง่าย โดยเฉพาะถ้าเป็นสิวหรือผิวบอบบางควรมาร์กในห้องที่อากาศถ่ายเทดี เพื่อเลี่ยงการระคายเคืองจากกลิ่นหอมสังเคราะห์ ไม่ควรแช่มาสก์ไว้นานเกินคำแนะนำ เพราะผิวที่บอบบางอาจถูกทำร้ายแทนที่จะได้บำรุง


การมาร์กหน้าไม่ใช่สิ่งต้องห้าม แต่ต้องเลือกอย่างฉลาดค่ะ เลือกสูตรที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมีรุนแรง และถ้าให้ดี ควรเป็นสูตรวีแกน/ธรรมชาติ เพื่อให้ผิวคุณแม่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริงแบบปลอดภัยทั้งกับตัวเองและลูกน้อยในครรภ์ค่ะ


5. การแว็กขน


ช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ขนตามร่างกายขึ้นมากขึ้นหรือเข้มขึ้นในบางจุด ซึ่งอาจทำให้คุณแม่รู้สึกไม่มั่นใจ หลายคนจึงเลือก "แว็กซ์ขน" เพื่อความสะอาดและความมั่นใจ แต่ต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะผิวขณะตั้งครรภ์จะ ไวต่อการระคายเคืองมากกว่าปกติ

สามารถแว็กซ์ขนได้ หากระมัดระวังตามนี้

เลือกแว็กซ์ที่อ่อนโยน เช่น

  สูตรแว็กซ์จากธรรมชาติ (น้ำผึ้ง น้ำตาล ขี้ผึ้งพืช)

  ไม่มีพาราเบน, น้ำหอมสังเคราะห์ หรือสารกันบูดรุนแรง

  สูตร Vegan หรือ Organic Wax จะดีที่สุด

เลี่ยงการแว็กซ์บริเวณที่ผิวบางหรืออักเสบ เช่น ใต้วงแขน หน้าท้อง หรือจุดซ่อนเร้น หากรู้สึกตึงหรือระบม

เลี่ยงการแว็กซ์ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะผิวไว บางคนอาจมีอาการแพ้หรือระคายเคืองมากกว่าปกติ


การแว็กขนในช่วงตั้งครรภ์ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามค่ะ แต่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์อย่างปลอดภัย ระมัดระวังเป็นพิเศษ และฟังร่างกายตัวเองอยู่เสมอ ถ้ารู้สึกแสบ ร้อน หรือเจ็บมากกว่าปกติ ควรหยุดทันที หรือหันมาใช้วิธีโกนด้วยมีดโกนแบบอ่อนโยนแทนก็ได้ค่ะ


● ทำสวยแบบไหนที่แม่ท้องแล้วควรเลี่ยง


1. ใช้ครีมที่มี "วิตามินเอ" หรือ "เรตินอยด์ (Retinoid)"


วิตามินเอเป็นสารยอดนิยมในสกินแคร์สายลดริ้วรอย กระ ฝ้า และสิว แต่ในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะ 3 เดือนแรก แนะนำให้หลีกเลี่ยง "เรตินอยด์" หรืออนุพันธ์ของวิตามินเอในทุกชนิด เพราะ อาจซึมเข้าสู่กระแสเลือด และมีความเสี่ยงต่อการพัฒนาของทารก มีรายงานทางการแพทย์ว่าการได้รับวิตามินเอในปริมาณสูงเกินไป (โดยเฉพาะแบบรับประทาน) เพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติของทารกในครรภ์ แม้จะทาเฉพาะภายนอก แต่ผิวของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์จะไวต่อการดูดซึมมากกว่าปกติ


ทางเลือกที่ปลอดภัยแทนการใช้ Retinol

Vitamin C เพื่อความกระจ่างใส

Niacinamide เพื่อปรับสีผิว ลดสิว และกระชับรูขุมขนอย่างอ่อนโยน


อยากสวยได้แต่ต้องรู้ให้ลึก! เลี่ยงวิตามินเอแบบทาโดยเด็ดขาด และเปลี่ยนมาใช้สารบำรุงที่ปลอดภัยแทน เพื่อให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ปลอดภัยไร้กังวลค่ะ


2. ฉีดโบท็อกซ์ / ฟิลเลอร์


แม้การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) จะช่วยลดริ้วรอย และฟิลเลอร์จะช่วยให้หน้าดูอิ่มฟูสดใส แต่ในช่วงตั้งครรภ์ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะกับการฉีดใด ๆ เลยค่ะ เพราะ โบท็อกซ์ ทำจากสาร botulinum toxin ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท แม้จะฉีดเฉพาะจุด แต่ยังมีโอกาสซึมเข้าสู่ร่างกายได้


ฟิลเลอร์ ส่วนใหญ่เป็นสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic acid) แต่กระบวนการฉีดมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ บวม อักเสบ และอาจกระทบระบบไหลเวียนเลือด


ยังไม่มีการศึกษาในหญิงตั้งครรภ์ที่เพียงพอ และหากเกิดภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ขึ้นมา จะรักษาได้ยาก เพราะไม่สามารถใช้ยาได้ตามปกติ


สรุปคือไม่ควรฉีดอะไรเข้าสู่ผิวระหว่างตั้งครรภ์ แม้แต่การฉีดผิวใส ฉีดวิตามิน

หากเคยฉีดมาก่อนตั้งครรภ์ ควรแจ้งแพทย์และเลื่อนการทำต่อจนกว่าจะพ้นระยะให้นมบุตรค่ะ


3. สักคิ้ว / สักปาก / สักขอบตา


การสักคิ้ว สักปาก หรือสักขอบตา เป็นเทคนิคความงามกึ่งถาวรที่ช่วยให้คุณแม่ดูเป๊ะตลอดเวลาโดยไม่ต้องแต่งหน้า แต่ในช่วงตั้งครรภ์ ไม่แนะนำให้ทำอย่างยิ่ง ค่ะ เพราะหมึกสักอาจมีสารเคมีที่ไม่ปลอดภัย เช่น โลหะหนัก พาราเบน หรือสารกันบูด ที่อาจดูดซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด และอาจกระทบต่อทารก


กระบวนการสักเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากอุปกรณ์ไม่สะอาด หรือหากร่างกายแม่อ่อนแอกว่าปกติ อาจเกิดแผลติดเชื้อ รักษายาก ยิ่งในช่วงตั้งครรภ์ระบบภูมิคุ้มกันจะเปลี่ยนแปลง อาจเกิดอาการแพ้หมึก ผื่น หรือผิวอักเสบได้ง่ายกว่าปกติหากเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น ปากบวม/หนังตาอักเสบ อาจรักษาได้ลำบาก เพราะห้ามใช้ยาหลายชนิดในช่วงตั้งครรภ์


สรุปคือช่วงนี้คิ้วไม่ต้องเป๊ะ ปากไม่ต้องชมพูตอนนี้ก็ได้ค่ะ รอให้คลอดก่อน แล้วค่อยเติมความสวยแบบปลอดภัยจะดีกว่า ความเสี่ยงจากหมึกสักและการติดเชื้อไม่คุ้มกับความเป๊ะชั่วคราวเลยนะคะ


4. ทำเลเซอร์ผิวหน้า / กำจัดขน / ลดฝ้า จุดด่างดำ


แม้เลเซอร์จะเป็นทางลัดสู่ผิวใสไร้ขนหรือฝ้าจางไว แต่ในช่วงตั้งครรภ์ การทำเลเซอร์อาจไม่ใช่เรื่องที่ควรรีบค่ะ เพราะฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ผิวไวต่อแสง แพ้ง่าย และอาจเกิดภาวะ Hyperpigmentation ได้มากขึ้นหลังทำเลเซอร์


ผิวหนังของแม่ท้องบางและไวต่อแสงมากกว่าปกติ หากทำเลเซอร์อาจเกิดรอยไหม้ รอยดำ รอยแดงยาวนาน และยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์เพียงพอ ว่าการทำเลเซอร์ในหญิงตั้งครรภ์ปลอดภัย 100% โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือพลังงานสูงหรือความร้อนลึก


  บางชนิดของเลเซอร์ เช่น fractional laser, IPL ต้องใช้ยาชาก่อนทำ ซึ่งไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และหากมีอาการแทรกซ้อน เช่น ผิวลอก ติดเชื้อ อักเสบ อาจไม่สามารถใช้ยารักษาได้เต็มที่


 หลีกเลี่ยงเลเซอร์ทุกชนิดในช่วง

ตลอดการตั้งครรภ์

โดยเฉพาะเลเซอร์กลุ่ม: IPL, CO2, Laser Hair Removal, Q-switch


 ทางเลือกที่ปลอดภัย

ใช้สกินแคร์บำรุงผิวสูตรอ่อนโยน แทน เช่น Vitamin C, Niacinamide

รอหลังคลอดแล้วให้ผิวฟื้นตัว และกลับมาดูแลด้วยเลเซอร์อย่างเหมาะสม


สรุปแม่ๆ อาจต้องอดใจรออีกหน่อยนะคะ ผิวอาจมีฝ้า จุดด่างดำ หรือขนขึ้นมากผิดปกติบ้างช่วงนี้ แต่ทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้นหลังคลอด การเลเซอร์ตอนนี้เสี่ยงมากกว่าคุ้ม อย่าลืมว่าความปลอดภัยของลูกน้อยต้องมาก่อนเสมอค่ะ


5. ย้อมผม / ดัดผม / ฟอกสีผม


คุณแม่หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องปล่อยผมขาว หรือโคนผมดูโทรมขณะตั้งครรภ์ จึงมีคำถามเสมอว่า "ย้อมผมได้ไหม?" คำตอบคือ “ทำได้ในบางกรณี แต่ต้องระวังมาก” เพราะ สีผมทั่วไปมีสารเคมีรุนแรง เช่น แอมโมเนีย พาราเบน รีซอร์ซินอล ฯลฯ ซึ่งสามารถดูดซึมผ่านหนังศีรษะและเข้าสู่กระแสเลือดได้


ในช่วงไตรมาสแรก เป็นระยะที่ทารกกำลังสร้างอวัยวะสำคัญ แพทย์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้เลี่ยงการย้อมผมโดยสิ้นเชิง กลิ่นของน้ำยาย้อมผม อาจทำให้แม่ที่แพ้ท้องหนักเวียนหัว คลื่นไส้ หรือเป็นลมได้ง่าย ผิวหนังและหนังศีรษะของแม่ท้องไวต่อสารเคมี อาจแพ้ ระคายเคือง หรือมีผื่นได้ง่ายกว่าปกติ


แนะนำให้เลี่ยงการย้อมผมตลอดการตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของลูกในครรภ์เป็นหลักค่ะ

หากกังวลเรื่องโคนผมหงอกหรือสีผมซีด แนะนำให้ใช้ หมวก ผ้าคาดผม หรือเปลี่ยนลุคเป็นธรรมชาติ ไปก่อน ความสวยภายนอกรอได้…แต่ “ความปลอดภัยของลูกน้อย” ต้องมาก่อนเสมอค่ะ


การตั้งครรภ์ไม่ใช่เหตุผลที่แม่ๆ ต้องปล่อยตัวโทรม หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับความสวยอีกต่อไป เพราะความงามไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง แม่ท้องสามารถดูแลตัวเองได้ ทั้งการตัดผม มาร์กหน้า ทำเล็บ หรือเลือกใช้สกินแคร์ดีๆ ที่ปลอดภัย


แต่ก็มีหลายอย่างที่ควร “เว้นไว้ก่อน” เช่น การฉีดสารเข้าใบหน้า, สักคิ้ว, ย้อมผม หรือทำเลเซอร์ เพราะแม้จะดูปลอดภัยภายนอก แต่ภายในร่างกายของแม่และลูกยังเปราะบางมากในช่วงนี้ แม้แม่ท้องจะต้องระมัดระวังเรื่องการทำสวยภายนอก แต่สิ่งที่สามารถทำได้อย่างเต็มที่และ สำคัญยิ่งกว่า คือ “การบำรุงร่างกายจากภายใน”


ในช่วงตั้งครรภ์ “อาหาร” คือพื้นฐานของความงามและสุขภาพที่แท้จริง คุณแม่ควรเน้นการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารที่มีคุณค่า โดยเฉพาะ โปรตีนคุณภาพสูง เช่น ไข่ ถั่ว ปลา หรือเวย์โปรตีนที่ออกแบบสำหรับแม่ตั้งครรภ์ เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เส้นผม และเนื้อเยื่อที่แข็งแรงทั้งของคุณแม่และทารกในครรภ์ นอกจากนี้ โอเมก้า 3 อย่าง DHA และ EPA ซึ่งพบได้ในปลาแซลมอน ปลาทู หรือผลิตภัณฑ์ Fish Oil ยังมีบทบาทสำคัญในการบำรุงสมองของลูก เสริมพัฒนาการด้านสายตา และลดการอักเสบในร่างกายแม่


อีกหนึ่งสารอาหารที่ไม่ควรมองข้ามคือ วิตามินซีธรรมชาติ ซึ่งพบในผลไม้เช่น มะขามป้อม ฝรั่ง และส้ม ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เพิ่มความสดใสให้ผิว และช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น ส่วน ธาตุเหล็กและโฟเลต ซึ่งมีมากในผักใบเขียวและตับ มีหน้าที่สำคัญในการบำรุงเลือด ป้องกันภาวะโลหิตจาง และช่วยลดความเสี่ยงต่อความผิดปกติของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรก


นอกจากนี้ยังควรเสริม แคลเซียมและวิตามินดี จากนมแพะ นมถั่วเหลือง หรือผลิตภัณฑ์เสริมอื่นๆ เพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันของทารก รวมถึงป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกของคุณแม่ และลดปัญหาเล็บเปราะ ผมร่วงในช่วงตั้งครรภ์ และที่ลืมไม่ได้คือ ผักผลไม้หลากสีที่อุดมด้วยไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี ลดปัญหาท้องผูก และทำให้ผิวของคุณแม่เปล่งปลั่งจากภายใน โดยหากไม่มีเวลาดื่มน้ำผักคั้นสด แนะนำให้ใช้ผงผักพร้อมชง เช่น Pure Red หรือ Pure Green เป็นตัวช่วยที่สะดวกและปลอดภัย


เพราะสุขภาพผิว เส้นผม และพลังของคุณแม่ล้วนสะท้อนออกมาจากสิ่งที่รับประทานเข้าไป “กินดี = ลูกดี = ผิวดี = สุขภาพจิตดี” แม่สวยจากภายในได้แน่นอนค่ะ

Comments


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page