top of page
ค้นหา

แม่ทำ ICSI ต้องรู้!! ขนาดของฟองไข่สำคัญแค่ไหน? มีผลไหมต่อเกรดของ “ตัวอ่อน”

แม่คนไหนอยู่ในขั้นตอนของการกระตุ้นไข่อยู่บ้างคะ? ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการติดตามการเจริญเติบโตของฟองไข่ จากไข่อ่อนไปยังไข่ที่สุกเพื่อใช้ในการปฎิสนธิ โดยจะติดตามการเจริญเติบโตของเซลล์ไข่ได้โดยการอัลตราซาวน์ฟองไข่ ซึ่งจะทำให้ทราบขนาดของฟองไข่ โดยฟองไข่ที่สุกพร้อมใช้จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 18-22 มิลลิเมตร ซึ่งขนาดของฟองไข่บอกอะไรได้บ้าง สามารถบอกเกรดตัวอ่อนได้ไหม มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันค่ะ


 ขนาดของฟองไข่บอกอะไรได้บ้าง?


ขนาดของฟองไข่ (Follicle size) เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่แพทย์ใช้ในการประเมินและวางแผนการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำเด็กหลอดแก้ว


โดยทั่วไปแล้ว ขนาดของฟองไข่จะสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตของไข่ที่อยู่ภายใน ฟองไข่ที่โตเต็มที่และมีขนาดเหมาะสม ประมาณ 18-22 มิลลิเมตร มักบ่งชี้ว่าไข่ที่อยู่ภายในมีแนวโน้มที่จะสุกและพร้อมสำหรับการปฏิสนธิได้ ฟองไข่ที่เล็กเกินไปอาจมีไข่ที่ไม่สุกหรือไม่พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ


ฟองไข่ที่ใหญ่เกินไปอาจบ่งบอกว่าไข่ "แก่เกินไป" ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพของไข่และการปฏิสนธิได้

ในกระบวนการกระตุ้นไข่ แพทย์จะทำการอัลตราซาวด์เพื่อติดตามการเจริญเติบโตของฟองไข่ และจะให้ยาที่ทำให้ไข่สุก (Trigger shot) เมื่อฟองไข่มีขนาดเหมาะสม เพื่อกำหนดเวลาในการเก็บไข่


ขนาดฟองไข่บอกเกรดตัวอ่อนได้หรือไม่?


ขนาดของฟองไข่ไม่ได้บอกเกรดของตัวอ่อนโดยตรง แต่คุณภาพของไข่ที่ได้จากฟองไข่ขนาดที่เหมาะสม จะส่งผลต่อโอกาสในการปฏิสนธิและการพัฒนาไปเป็นตัวอ่อนที่มีคุณภาพ


การแบ่งเกรดตัวอ่อนพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง?


การแบ่งเกรดตัวอ่อนจะพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญกว่า ได้แก่

คุณภาพของเซลล์ไข่ (หลังเก็บไข่)นักวิทยาศาสตร์จะประเมินว่าไข่ที่เก็บได้นั้นสุกหรือไม่ (Mature egg) โดยสังเกตจาก "โพลาร์บอดี้" (Polar Body) ซึ่งไข่ที่สุกเท่านั้นที่จะพร้อมสำหรับการปฏิสนธิ


การเจริญเติบโตและลักษณะของตัวอ่อน หลังจากปฏิสนธิแล้ว ตัวอ่อนจะถูกเลี้ยงในห้องปฏิบัติการและนักวิทยาศาสตร์จะประเมินเกรดของตัวอ่อนโดยพิจารณาจาก


-จำนวนเซลล์และการแบ่งตัว ตัวอ่อนระยะคลีเวจที่ดีควรมีจำนวนเซลล์ที่เหมาะสมและมีการแบ่งตัวที่สม่ำเสมอ

-รูปร่างและสัณฐานของเซลล์ เซลล์ควรมีขนาดใกล้เคียงกัน และไม่มีส่วนที่ผิดปกติมากนัก

-เศษเซลล์ผิดปกติ (Fragmentation) ยิ่งมีเศษเซลล์น้อย ตัวอ่อนยิ่งมีคุณภาพดี

-ระยะบลาสโตซิสต์ (Blastocyst stage) หากตัวอ่อนเจริญเติบโตไปถึงระยะบลาสโตซิสต์ จะมีการประเมินเพิ่มเติมจาก Blastocoel (ช่องกลวงภายใน) Inner Cell Mass (ICM) กลุ่มเซลล์ที่จะพัฒนาไปเป็นทารก และ Trophectoderm Epithelium (TE) กลุ่มเซลล์ที่จะพัฒนาไปเป็นรก


โดยสรุปแล้วแม้ว่าขนาดฟองไข่ที่เหมาะสมจะมีความสำคัญในการได้ไข่ที่มีคุณภาพเพื่อนำไปปฏิสนธิ แต่การตัดสินเกรดของตัวอ่อนจะขึ้นอยู่กับการประเมินโดยละเอียดของนักวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการหลังจากที่ไข่และอสุจิได้ปฏิสนธิกันแล้ว


แต่ถ้าบำรุงดูแลสุขภาพจนฟองไข่เจริญเติบโตถึงเกณฑ์มาตรฐาน (ขนาดประมาณ 18-22 มิลลิเมตร) ก็จะเพิ่มโอกาสในการได้ไข่ที่มีคุณภาพดี และส่งผลให้มีโอกาสได้ตัวอ่อนเกรดดีตามไปด้วยค่ะ


การบำรุงเพื่อเพิ่มขนาดฟองไข่สามารถทำได้โดยเน้นโภชนาการที่มีโปรตีนและไขมันดี เช่น ไข่ ถั่ว ปลา และอะโวคาโด เพื่อเสริมสร้างฮอร์โมนและพลังงานให้ฟองไข่เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ควบคู่กับการเสริมสารอาหารที่สำคัญ เช่น โคเอนไซม์ Q10 อินโนซิทอล กรดโฟลิก วิตามิน D E และแร่ธาตุอย่างสังกะสี ซึ่งมีบทบาทในการกระตุ้นและควบคุมการตกไข่


นอกจากนี้การพักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียดจะช่วยให้ระบบฮอร์โมนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอก็มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังรังไข่ และสุดท้ายคือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่รบกวนฮอร์โมน เช่น การอดนอน ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ ซึ่งอาจส่งผลให้ฟองไข่เจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ค่ะ


ซึ่งก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษามีบุตรยาก ไม่ว่าจะเป็น IUI หรือ ICSI ครูก้อยแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เริ่มจากจุดที่สำคัญที่สุด คือการบำรุงไข่และสเปิร์มล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เพราะแม้จะมียากระตุ้นหรือเทคโนโลยีช่วยแค่ไหน แต่หากวัตถุดิบตั้งต้นไม่พร้อม โอกาสสำเร็จย่อมลดลง การดูแลจากภายในจึงเป็น “กุญแจสำคัญ” ที่สามารถทำได้เลย


ครูก้อยจึงสรุปโภชนาการบำรุงในสูตร “Keys to Success 5+1” ได้แก่ เพิ่มโปรตีน ลดคาร์บ งดหวาน ทาไขมันดี เน้นสารต้านอนุมูลอิสระ และเสริมวิตามินเฉพาะทาง

สูตรนี้คือคัมภีร์บำรุงที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงที่อยากมีลูกโดยเฉพาะค่ะ ถ้าวันนี้แม่ๆเริ่มต้นดูแลไข่และฮอร์โมนของตัวเองอย่างจริงจัง ความพร้อมก็จะเกิดขึ้นในทุกมิติ บำรุงดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ครูก้อยเป็นกำลังใจให้แม่ๆทุกคนนะคะ

Comments


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page