วางแผนท้อง 💉💉ต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง?
👫ก่อนที่จะตั้งครรภ์คู่สมรสต้องชวนกันไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสภาพร่างกายให้พร้อมก่อนนะคะ
โดยทั่วไปแล้วทุกโรงพยาบาลจะมีแพคเกจตรวจร่างกายก่อนก่อนตั้งครรภ์ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคร้าย หรือความไม่ปลอดภัยของทั้งตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ หากพบโรคใดที่เป็นอันตรายกับการตั้งครรภ์จะได้ทำการรักษาให้หายก่อนที่จะตั้งครรภ์ได้ค่ะ
การฉีดวัคซีนก่อนการตั้งครรภ์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แม่ๆต้องทำก่อนที่จะตั้งท้อง เพื่อให้ลูกน้อยและคุณแม่เองปลอดภัยที่สุดและ มีครรภ์ที่สมบูรณ์ที่สุดค่ะ
💉วัคซีนที่คุณแม่ควรฉีดก่อนตั้งครรภ์มีดังนี้ค่ะ
1.วัคซีนหัด- หัดเยอรมัน-คางทูม
ฉีดจำนวนเข็ม 1 เข็ม ควรฉีดก่อนตั้งครรภ์ 1 เดือน
เป็นวัคซีนที่รวม 3 โรคไว้ในเข็มเดียว จำเป็นต้องฉีด แต่ไม่ควรฉีดขณะตั้งครรภ์ เพราะอาจเกิดอันตรายกับ
ลูกในท้องได้ ซึ่งอันตรายจาก 3 โรคนี้จะส่งผลต่อทารกในครรภ์คือ
👉โรคหัด หากเป็นตอนท้อง อาจทำให้แท้งง่ายและคลอดก่อนกำหนด
👉โรคหัดเยอรมัน อาจทำให้แท้งง่ายและคลอดก่อนกำหนดเช่นกัน รวมไปถึงทำให้ทารกตายในครรภ์และเกิดความพิการแต่กำเนิด อย่าง หูหนวก ตาบอด หัวใจและระบบประสาทผิดปกติ หากติดเชื้อก่อนท้อง 20 สัปดาห์และช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งท้อง ยิ่งมีโอกาสที่ทารกจะพิการสูง
👉โรคคางทูม หากติดเชื้อตอนท้องอาจทำให้ทารกตายในครรภ์ หรือหัวใจพิการได้
.
2. วัคซีนอีสุกอีใส
ฉีดจำนวนเข็ม 2 เข็มระยะเวลา ฉีดห่างกัน 1 เดือน ควรฉีดก่อนตั้งครรภ์ 2 เดือนหากติดเชื้อใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะส่งผลต่อความพิการของทารกในครรภ์ คือ ส่งผลให้สมองฝ่อ มีความผิดปกติของกระดูกขาและผิวหนัง
หากติดเชื้อตอนอายุครรภ์ใกล้ครบกำหนด จะยิ่งอันตรายต่อแม่และลูก คือ ส่งผลให้ปัญหาภาวะปอดอักเสบหรือระบบหายใจล้มเหลวในบางราย อาจจะมีอาการทางสมอง ทำให้ซึมลงและมีอาการชัก จนเกิดการเสียชีวิตได้ทั้งแม่และทารกในครรภ์
.
3. วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี
คุณแม่ท่านใดที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีนตัวนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะได้ประโยชน์ทั้งคุณแม่และลูก ในการป้องกันและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หากทารกติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแล้ว จะมีโอกาสเสี่ยงถึงเสียชีวิตได้ หรือมีตับอักเสบ ตับวาย ตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งในอนาคตตับจะเสี่ยงเป็นมะเร็งหรือเป็นตับแข็งสูงขึ้น
ฉีดจำนวน 3 เข็ม ระยะเวลา ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน จากนั้นอีก 6 เดือนจึงฉีดเข็มที่ 3
หากตั้งครรภ์ในระยะการฉีด ควรหยุดฉีด รอให้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยฉีดต่อ
.
4. วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งในผู้หญิงที่พบเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งเต้านม การเป็นมะเร็งขณะตั้งครรภ์จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเด็กในครรภ์ได้ เพราะต้องมีการฉายรังสีเพื่อรักษาชีวิตของคุณแม่ ซึ่งการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนั้น สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70 – 90%
ฉีดจำนวนเข็ม 3 เข็ม ระยะเวลา ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 2 เดือน จากนั้นอีก 6 เดือนจึงฉีดเข็มที่ 3
หากตั้งครรภ์ในระยะการฉีด ควรหยุดฉีด รอให้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยฉีดต่อ
.
5. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
ร่างกายคนท้องภูมิคุ้มต่ำกว่าคนทั่ว ๆ ไป หากป่วยเป็นไข้หวัดในช่วงนี้ จะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หัวใจล้มเหลวได้ ดังนั้นการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นี้ คุ่มค่ามากเพราะได้ประโยชน์ทั้งคุณแม่และลูกระหว่างตั้งครรภ์และภูมิคุ้มกันส่งผ่านให้ลูกอยู่ได้นาน 6 เดือนหลังคลอดด้วย
ฉีดก่อนตั้งครรภ์ แต่ถ้าจะฉีดช่วงตั้งครรภ์แล้ว ให้ตั้งครรภ์ผ่าน 3 เดือนไปก่อนแล้วค่อยฉีด
.
6. วัคซีนคอตีบ - ไอกรน - บาดทะยัก
วัคซีนป้องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก เป็นวัคซีนที่จำเป็นสำหรับหญิงตั้งครรภ์ทุกคน ถึงแม้ว่าหญิงตั้งครรภ์ผู้นั้นจะเคยได้รับวัคซีนมาก่อนก็ตาม โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการฉีดเพื่อให้ภูมิคุ้มกันไปสู่ลูกได้มากที่สุดคือ ขณะอายุครรภ์ 27 - 36 สัปดาห์ เป็นวัคซีน 3 ชนิด ที่ฉีดพร้อมกันใน 1 เข็ม
สาเหตุที่ต้องฉีด เพราะขณะนี้โรคคอตีบได้กลับมาระบาดอีก ในรายที่รุนแรงอาจทำให้แม่และลูกในท้องเสียชีวิตได้ ส่วนโรคไอกรน พบว่าลูกที่ป่วยเป็นโรคไอกรนจะติดเชื้อมาจากแม่ ถ้าฉีดให้แม่ก็จะป้องกันให้ลูกที่คลอดออกมาได้ประมาณ 6 เดือน และวัคซีนป้องกันบาดทะยัก จะช่วยป้องกันการติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตรด้วย
.
.
การตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเตรียมตัวไว้เป็นสิ่งสำคัญมาก การดูแลตัวเองทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กันค่ะ พ่อแม่วางแผนท้องต้องเลือกทานอาหารที่มีโภชนาการสูงเพื่อบำรุงไข่ บำรุงสเปิร์มและเพื่อสุขภาพทึ่สมบูรณ์แข็งแรง ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้เบบี๋ก็จะมาเติมเต็มครอบครัวในไม่ช้าค่ะ
Komentar