top of page
ค้นหา

งานวิจัยเผย 5 ประโยชน์ "โภชนเภสัช" ของน้ำผึ้งชันโรง



งานวิจัยเผย 5 ประโยชน์ "โภชนเภสัช" ของน้ำผึ้งชันโรง



วันนี้เรามาทำความรู้จัก "น้ำผึ้งชันโรง" กันค่ะ

แม่ๆ หลายคนคงคุ้นเคยกับน้ำผึ้งอยู่แล้วใช่มั้ยคะ

#แต่น้ำผึ้งชันโรงมีความพิเศษแตกต่างจากน้ำผึ้งทั่วไปและมีสุดยอดสรรพคุณทางโภชนเภสัช



ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าตัวชันโรงก่อน “ชันโรง” เป็นแมลงตัวเล็กๆที่ไม่มีเหล็กใน ภาษาอังกฤษจึงมีชื่อเรียกว่า Stingless bee หรือแปลว่าผึ้งที่ไม่มีเหล็กใน แมลงชนิดนี้มีขนาดเล็กและ "กินเฉพาะน้ำหวานจากดอกไม้เท่านั้น" โดยไม่กินน้ำเชื่อมที่มักใช้เป็นอาหารในฟาร์มเลี้ยงผึ้งทั่วไป



โดยธรรมชาติพฤติกรรมของชันโรงที่แตกต่างจากผึ้งทั่วไปคือ เวลาที่ชันโรงตอมดอกไม้จะเก็บเกี่ยวเกสรจากดอกไม้ไป 80% เก็บน้ำหวานจากเกสรไป 20%

แตกต่างจากผึ้งทั่วไปที่จะเก็บเกี่ยวน้ำหวานไป 80% เก็บเกสรไปเพียง 20 %


พฤติกรรมของชันโรงที่เก็บเกี่ยวเกสร 80% นี้เองทำให้วิตามินที่ติดไปกับเกสรซึ่งชันโรงนำกลับไปที่รัง #ทำให้น้ำผึ้งจากชันโรงมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป เป็นที่ต้องการของตลาดและขายได้ราคาดีกว่าผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งทั่วไป



ชันโรงไม่เลือกชนิดของดอกไม้เหมือนผึ้งอื่นๆ ดังนั้นน้ำผึ้งชันโรงจึงมีการผสมผสานจากดอกไม้นานาพันธุ์รวมไปถึงน้ำหวานจากพืชสมุนไพร จนกลายเป็นน้ำผึ้งที่มีคุณภาพสูง



มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อยเปรี้ยวอมหวานจากการหมักตามธรรมชาติ น้ำผึ้งชันโรงจึงเป็นแหล่งโพรไบโอติกส์ชั้นดี เป็นประโยชน์ต่อจุลินทรีย์ในลำไส้



น้ำผึ้งชันโรงเป็น Super food ที่นิยมกันมากในประเทศบราซิล ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ โดยเฉพาะในประเทศมาเลเซียนั้นน้ำผึ้งชันโรงเป็นที่ยอมรับในวงกว้างถึงสรรพคุณทางยาจนถึงขั้นเรียกว่า “ The Mother medicine “


น้ำผึ้งชันโรงนั้นถือได้ว่าเป็นของหายากและผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากธรรมชาติของชันโรงซึ่งผลิตน้ำผึ้งได้น้อยกว่าผึ้งทั่วไป #เพราะไม่กินน้ำตาลที่มนุษย์ใช้เลี้ยง โดยแหล่งผลิตน้ำผึ้งชันโรงคุณภาพดีมาจากจังหวัดทางภาคใต้ที่มีสภาพอากาศเหมาะสม แต่ผลผลิตส่วนใหญ่มักถูกกว้านซื้อไปขายในประเทศมาเลเซียจนหมดเพื่อใช้รับประทานบำรุงร่างกายและสำหรับผู้พักฟื้น และผู้ที่ต้องการมีบุตร




•น้ำผึ้งชันโรงกับประโยชน์ทางโภชนเภสัช


อาหารที่มีคุณสมบัติให้ประโยชน์ทาง "โภชนเภสัช" หมายถึง นอกจากจะให้คุณค่าทางสารอาหารทั่วไปแล้ว ในอาหารชนิดนั้นยังมีสารประกอบหรือองค์ประกอบที่มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกัน บรรเทา หรือ เยียวยาอาการของโรคได้ สำหรับน้ำผึ้งชันโรงนั้นมีงานวิจัยศึกษาไว้อย่างกว้างขวางถึงสรรพคุณในเชิงบำบัด (Therapeutic Value) หรือ อาหารฟังก์ชั่น (Functional food) คืออาหารที่มีสรรพคุณในทางยา หรือ โภชนเภสัช นั่นเองค่ะ ซึ่งองค์ประกอบที่โดดเด่นในน้ำผึ้งชันโรงนั้นคือ "สารต้านอนุมูลอิสระ" เมื่อมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงจะนำไปสู่คุณสมบัติในการปกป้อง


เซลล์ในร่างกาย ลดการอักเสบติดเชื้อ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ร่างกายแข็งแรงในองค์รวม น้ำผึ้งชันโรงอาจเรียกได้ว่า "อาหารแห่งอนาคต"



•สรรพคุณที่โดดเด่นที่ของน้ำผึ้งชันโรง ได้แก่


✔ให้กรดฟีโนลิคสูง (สารต้านอนุมูลอิสระ) ซึ่งมีกรดฟีนอลิคหลากหลายชนิดมาก มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น มีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพ ป้องกันเซลล์เสื่อมถอย ต้านเซลล์มะเร็ง และเบาหวาน


✔มีสารต่อต้านอนุมูลอิสะสูงกว่าน้ำผึ้งธรรมดา 5-10 เท่า


✔ช่วยเสริมสร้างการผลิตฮอร์โมนเพศ ส่งผลต่อการปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง


✔เพิ่มจำนวน การเคลื่อนไหวและคุณภาพของสเปิร์ม


✔ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย


✔ต้านแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ติดเชื้อ


✔มีพรีไบโอติกส์และไบโอติกส์ชนิดดี ช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้และมดลูก


✔มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง



•6 ประโยชน์โภชนเภสัชของน้ำผึ้งชันโรง


(1) มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง (Antioxidant Activity) ซึ่งน้ำผึ้งชันโรงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าน้ำผึ้งธรรมดา 5-10 เท่า


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Asia Pacific Entomology เมื่อปี 2018


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร LWT - Food Science and Technology เมื่อปี 2018


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Research เมื่อปี 2018


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Biomoleculs เมื่อปี 2020


ศึกษาพบว่า...โดยทั่วไปน้ำผึ้งจัดว่าเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) อยู่แล้ว แต่จากงานวิจัยพบว่าน้ำผึ้งชันโรงนั้นมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ #สูงกว่าน้ำผึ้งรวงหลายเท่าตัว โดยอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติจำพวกกรด Phenolic และ Flavonoid ซึ่งมีอยู่ถึง 99.04±5.14 mg/ml และ 17.67±0.75 mg/ml ตามลำดับ ยิ่งไปกว่านั้นยังประกอบไปด้วยกรด Phenolics และ Flavonoids หลากฟลายประเภท จึงให้คุณค่าทางสารอาหารหลากหลาย


สารต้านอนุมูลอิสระช่วย...


✔ลดการเสื่อมของร่างกายและช่วยชะลอความแก่ ปกป้องเซลล์จากการทำลาย และช่วยบำรุงเซลล์ในร่างกายให้แข็งแรง

✔รวมไปถึงเซลล์ไข่และเซลล์สเปิร์มที่เป็นเซลล์สืบพันธุ์

✔ลดความเสี่ยงของหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคสมองเสื่อมเช่น อัลไซเมอร์ หรือ พาร์


กินสัน

✔บำรุงผิวพรรณ บำรุงสายตา เพิ่มความจำ ลดความวิตกกังวล



(2) เพิ่มสมรรถภาพและการเจริญพันธุ์ ( Effect on Fertility)


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Hindawi Advances in Pharmacological and Pharmaceutical Sciences เมื่อปี 2018


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Toxicology and Industrial Health เมื่อปี 2012


ศึกษาพบว่า...น้ำผึ้งส่งผลดีต่อภาวการณ์เจริญพันธุ์โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง โดยมีงานวิจัยในหนูทดลองพบว่าช่วยปรับปรุงคุณภาพของสเปิร์มดังนี้


✔เพิ่มระยะเวลา (Intromission)

✔เพิ่มการหลั่ง (Ejaculation)

✔เพิ่มจำนวน (Count)


✔เพิ่มการเคลื่อนไหว(Motility) และ

✔เพิ่มคุณภาพ (Quality) ของสเปิร์ม


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Brazilian Journal of Phamacognosy เมื่อปี 2016 ศึกษาถึงสรรพคุณของน้ำผึ้งชันโรงต่อ fertility พบว่า น้ำผึ้งชันโรงช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการท้องยากเพราะเมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อว่าคอร์ติซอลออกมาและจะขัดขวางสมดุลของฮอร์โมนเพศ


นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มโปรเจสเตอร์โรนหรือฮอร์โมนเพศหญิงและเพิ่มอัตราสำเร็จของการตั้งครรภ์อีกด้วย



(3) คุณสมบัติต้านการอักเสบ ยับยั้งเชื้อโรคและช่วยให้แผลหายเร็ว


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Microbiology, Immunology and Infection เมื่อปี 2016


จากงานวิจัย ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Oxidative Medicine and Cellular Longevity เมื่อปี 2017



ศึกษาพบว่า...ผลของปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงทำให้น้ำผึ้งชันโรงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (Anti-Inflammatory) อีกด้วยโดยจะป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายด้วยสารอนุมูลอิสระ นอกจากนี้น้ำผึ้งชันโรงมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย (Anti-Bacterial Activities) ที่ก่อโรคเช่นแบคทีเรีย S. aureus สมบัติต้านเชื้อโรคนี้ก่อให้เกิดสมดุลของภูมิคุ้มกันของร่างการที่แผล #ทำให้กลไกการรักษาตัวเองของร่างกายมีประสิทธิภาพ กระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ ซึ่งมีรายงานการรับประทานเพื่อรักษาอาการเจ็บคอ แผลในช่องปาก ตาอักเสบ แผลเบาหวาน หรือ แผลจากมะเร็ง


การอักเสบเป็นกระบวนการที่สำคัญมากในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อให้กลับมาเป็นปกติ การอักเสบจะเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการทำลายเซลล์ หรือ การบาดเจ็บในร่างกายซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก ความเครียด ความเจ็บป่วย การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

กระบวนการอักเสบเป็นกลไกในการป้องกันสิ่งแปลกปลอม แต่หากมีการอักเสบมากเกินไปก็จะเกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อได้



จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Reproductive Science เมื่อปี 2011 ศึกษาพบว่า...

การอักเสบเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคทางสูติศาสตร์ (Gyneological disease) ซึ่งการอักเสบ (Inflammation) ส่งผลต่อการตกไข่และการสร้างฮอร์โมนรวมไปถึงเกี่ยวข้องกับภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่


ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีบุตรนั้นการอักเสบมีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะต่างๆ ดังนี้

- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

- ภาวะถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)

- ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ

- ซีสต์รังไข่ หรือ เนื้องอกในโพรงมดลูก

- รังไข่เสื่อม วัยทองก่อนวัย

- เซลล์ไข่และเซลล์สเปิร์มที่ด้อยคุณภาพ

- การที่ตัวอ่อนไม่ฝังตัว หรือแท้งในระยะเริ่มต้น


(4) ยับยั้งเซลล์ไขมัน ดีต่อผู้อยู่ในภาวะโรคอ้วน (Anti-Obesity Activity) ความหวานดี หวานมีประโยชน์


Low GI ปลอดภัยต่อผู้ป่วยเบาหวาน (Antidiabetic)


จากงานวิจัยที่ตีพิม์ในวารสาร Biomolecules เมื่อปี 2020 ได้ทำการศึกษากับหนูทดลองที่อยู่ในภาวะโรคอ้วนโดยให้กินน้ำผึ้งชันโรงพบว่า...


- ดัชนีมวลกายลดลง

- เปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักลดลง

- ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์และไขมันเลว (LDL) ลดลง

- ระดับไขมันดี (HDL) เพิ่มขึ้น

- เซลล์ไขมันลดล

ซึ่งส่งผลดีต่อผู้ที่อยู่ในความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน


นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยศึกษากับหนูทดลองที่เป็นโรคเบาหวานพบว่า...น้ำผึ้งชันโรงช่วยควบคุมระดับกลูโคสในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำ รวมไปถึงระดับคอเลสเตอรอลรวม ไตรกลีเซอร์ไรด์และ LDL ก็ลดลงด้วย


จากงานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Report เมื่อปี 2020 ศึกษาพบว่า...เหตุผลที่น้ำผึ้งชันโรงส่งผลดีต่อผู้ป่วยเบาหวานเพราะในน้ำผึ้งชันโรงนั้นมีน้ำตาลชนิดพิเศษที่ขณะนี้พบในน้ำผึ้งชันโรงเท่านั้น ยังไม่พบในอาหารชนิดอื่นชื่อว่า Trehalulose


ที่ไม่ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเฉียบพลันและยังเป็นน้ำตาลที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low Glycemic Index) และค่าดัชนีอินซูลินต่ำ ( Low Insulinemic Index) จึงเป็นน้ำตาลที่มีประโยชน์และปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นน้ำตาลที่ไม่ก่อให้เกิดฟันผุ (acariogenic) และยังให้สาร antioxidant สูงอีกด้วย



(5) มี "โพรไบโอติกส์" (Probiotics) และ "พรีไบโอติกส์" (Prebiotics)


ลักษณะสีของน้ำผึ้งชันโรงและรสชาติเปรี้ยวอมหวานเกิดจากการหมักบ่มตามธรรมชาติจากจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์


จากหนังสือเรื่อง Pot-Honey โดยสำนักพิมพ์ Springer เมื่อปี 2013


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Agriculture and Agricutural Science Procedia เมื่อปี 2014

ศึกษาพบว่า....


สีของน้ำผึ้งชันโรงนั้นมีได้หลากหลายตามชนิดสายพันธุ์และชนิดของดอกไม้ที่เป็นแหล่งอาหาร นอกจากนี้


พบว่าสีของน้ำผึ้งชันโรงแตกต่างกันตามเวลาที่เก็บอีกด้วย โดยยิ่งเก็บนานสีจะเข้มขึ้นตามธรรมชาติ และสีที่เปลี่ยนไปไม่ได้บ่งบอกว่าน้ำผึ้งเสีย แต่มีงานวิจัยพบว่าสีที่เข้มขึ้นมีความสัมพันธ์กับปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระประเภทกรด Phenolic ที่เพิ่มขึ้น ทางประเทศมาเลเซียจะนิยมน้ำผึ้งสีเข้มๆเนื่องจากต้องการสรรพคุณทางยาที่สูงกว่า


น้ำผึ้งชันโรงที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ด้วยความร้อนเพื่อรักษาสารอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากนำผึ้งชันโรงมีความชื้นในน้ำผึ้งมากกว่าน้ำผึ้งรวงจึงมีกระบวนการหมัก (Ferment) เกิดขึ้นช้าๆ ตามธรรมชาติโดยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ #ช่วยเพิ่มความสมดุลของระบบลำไส้และมดลูก จึงอาจพบการเกิดแก๊สหรือฟองบนผิวหรือในตัวน้ำผึ้งชันโรงซึ่งถือว่าเป็นสิ่งปกติและเป็นสิ่งที่แสดงถึงน้ำผึ้งชันโรงแท้ ฟองเหล่านี้เรียกว่า honey foam ซึ่งรับประทานได้ แต่หากไม่ต้องการสามารถตักออกได้หรือปล่อยทิ้งไว้จนฟองยุบตัวและนำน้ำผึ้งแช่ตู้เย็นเพื่อหยุดกลไกการหมัก


กระบวนการหมักนี้เองที่มีส่วนเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระและเอนไซม์ที่มีประโยชน์ต่างๆ นอกจากนี้พบว่ากระบวนการหมักตามธรรมชาติของน้ำผึ้งชันโรง


นั้นทำให้เกิดกรดน้ำส้มซึ่งเป็นที่มาของรสเปรี้ยวตามธรรมชาติ และฟองโฟมที่เกิดขึ้นในน้ำผึ้งชันโรงนี้เองที่แตกต่างจากน้ำผึ้งทั่วไป เนื่องจากในน้ำผึ้งชันโรงมีจุลินทรีย์ โพรไบโอติก ส์ชนิดดีจำนวนมาก ซึ่งโพรไบโอติกส์ช่วยสร้างสมดุลให้กับมดลูก ช่วยให้มเลูกสมบูรณ?


จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Phamaceutical Science Review and Research เมื่อปี 2020 ศึกษาพบว่า...ในน้ำผึ้งชันโรงนอกจากจะมีโพรไบโอติกส์แล้ว ยังมี พรีไบโอติกส์อีกด้วย


พรีไบโอติกส์ ( Prebiotics) เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์ ช่วยให้จุลินทรีย์ประจำถิ่นในลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อลำไส้และระบบย่อยอาหาร


ดู 1,337 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page