งานวิจัยเผย ประโยชน์ของ Fish Oil ต่อสตรีวางแผนตั้งครรภ์
น้ำมันปลา (Fish Oil) มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย และเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งน้ำมันปลาเป็นไขมันหรือน้ำมันที่สกัดได้จากส่วนต่างๆ ของปลา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ หนัง หรือหางของปลา พบได้มากในปลาทะเลหรืออาหารทะเล หรือได้จากการรับประทานปลาทะเล ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาทู ปลาอินทรี ขณะเดียวกันก็พบได้ในปลาน้ำจืด อย่างปลาดุก ปลาช่อน และปลาสวาย แต่อาจมีปริมาณโอเมก้า 3 ที่ต่ำกว่า อีกทั้งชนิดของเนื้อปลาจะมีปริมาณไขมัน DHA และ EPA แตกต่างกันไป
ส่วนประกอบหลัก คือโอเมก้า 3 ไขมันไม่อิ่มตัว
เชิงซ้อน ที่สามารถแบ่งออกได้เป็น
👉ดีเอชเอ DHA (Docosahexaenoic acid) และ
👉อีพีเอ EPA (Eicosapentaenoic acid)
กรดไขมันทั้งสองชนิดนี้มีส่วนช่วยต้านการอักเสบ ลดระดับไขมันที่เป็นอันตราย เพิ่มไขมันดีในเลือด ลกความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยเสริมสร้างเซลล์สมองและดวงตา
ในส่วนของการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ (fertility) นั้น โอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มการสร้าง nitrix oxide ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะสืบพันธุ์ได้ดีขึ้นมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มคุณภาพเซลล์ไข่ โดยเฉพาะผู้หญิงวัย 35 ขึ้นไปที่เซลล์ไข่เริ่มเสื่อมคุณภาพ ประสิทธิภาพในการทำงานของรังไข่ลดลง ควรทานโอเมก้า 3 ให้เพียงพอ นอกจากนี้โอเมก้า 3 ยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มคุณภาพของสเปิร์มอีกด้วย
จากงานวิจัยของสถาบัน University of Colorado Advanced Reproductive Medicine เมื่อปี 2016 ได้นำเสนอในที่ประชุม American Society for Reproductive Medicine Meeting
👉ได้ทำการทดลองกับหนูทดลองที่รับโอเมก้า 3 พบว่า หนูทดลองมีไข่ที่อยู่ในภาวะเจริญพันธุ์ที่สามารถปฏิสนธิกลายเป็นตัวอ่อนที่มีชีวิตได้มากกว่า กล่าวคือคุณภาพของเซลล์ไข่จะมีคุณภาพมากกว่าสัตว์ที่ไม่ได้รับโอเมก้า3
👉ซึ่งไข่ที่มีคุณภาพนี้เองมีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นตัวอ่อนที่มีคุณภาพได้ในอนาคต (embryo development)
👉นักวิจัยจึงสรุปเบื้องต้นได้ว่าโอเมก้า 3 มีส่วนช่วยเพิ่มภาวะเจริญพันธุ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของรังไข่ การตกไข่ (ovarian reserve) และเพิ่มคุณภาพของเซลล์ไข่อย่างไรก็ตามยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ต่อไป
ต่อมาในปี 2017 University of Colorado Advanced Reproductive Medicine ได้ศึกษาอย่างต่อเนื่องในผลของทานโอเมก้า 3 ต่อภาวะเจริญพันธุ์ โดยงานวิจัยในปี 2017 ที่ได้นำเสนอในงานสัมมนา Endocrine Society ได้เสนอผลการวิจัยที่ทดลองกับผู้หญิงที่อยู่ในภาวะอ้วน (obese women) ซึ่งโรคอ้วนเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะมี
บุตรยาก และทำให้ร่างกายอักเสบ ซึ่งการอักเสบก็เป็นสาหตุหนึ่งของการมีบุตรยากเช่นกัน
👉ผลการศึกษาพบว่า...โอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ช่วยให้ไข่ตกเป็นปกติขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้มีส่วนช่วยให้มดลูกพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน การทานโอเมก้า 3 จึงมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์
👉ยิ่งไปกว่านั้นโอเมก้า 3 ยังช่วยลดการอักเสบเรื้อรัง จากการทดลองพบว่าระดับค่าความอักเสบของผู้หญิงในกลุ่มทดลองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ยังมีอีกงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition เมื่อปี 2016
ศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูงมีส่วนในการ "ช่วยลดภาวะไข่ไม่ตก" (anovulation)
นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวสำคัญในการทำให้มดลูกหนาตัวเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์อีกด้วย
น้ำมันปลายังดีต่อหญิงตั้งครรภ์ เพราะ
ในโอเมก้า 3 มี DHA ที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพ
ดวงตา สมอง และ เสริมสร้างระบบประสาทของทารกให้แข็งแรง นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังให้ EPA ซึ่งช่วยดูแลลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรง ช่วยป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ช่วยเพิ่มน้ำหนักของลูกในครรภ์ ช่วยลดความเครียดหรืออาการซึมเศร้าของแม่หลังคลอดได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มน้ำนมสำหรับคุณแม่หลังคลอดอีกด้วยค่ะ
ในส่วนของผู้ชายนั้นมีงานวิจัยหลายฉบับที่ได้ศึกษาถึงความสัมพันธ์ของโภชนาการและคุณภาพของสเปิร์มพบว่ามีความสัมพันธ์กันโดยการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูงช่วยปรับปรุงคุณภาพของสเปิร์มได้
นักวิจัยศึกษาต่อเนื่องถึงเรื่องของการรับประทานปลาทะเลที่มีโอเมก้า 3 และการทานอาหารเสริม Fish Oil ที่มีโอเมก้า 3 สูง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของสเปิร์มพบว่า โอเมก้า 3 ช่วยให้สเปิร์มมีคุณภาพดีขึ้นและอาจช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากที่มีสาเหตุมาจากฝ่ายชาย (male Infertility)ได้
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Asian Journal of Andrology เมื่อปี 2012 พบว่า
โอเมก้า 3 ช่วยเสริมการทำงานของระบบการสร้างน้ำอสุจิของมนุษย์ได้ดีขึ้น ส่งผลให้ต่อการการเพิ่มจำนวนสเปิร์ม (sperm count) การเคลื่อนไหวของสเปิร์ม (sperm motility) และรูปร่างของสเปิร์มที่สมบูรณ์ขึ้น (sperm morphology)
โดยโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกายได้แก่ DHA และ EPA ซึ่งเป็น Fatty acid (กรดไขมัน) ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหารเข้าไป
จากงานวิจัยนี้ได้อ้างถึงงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Andrologia เมื่อปี 2011
ได้ทำการศึกษาผู้ชายที่มีบุตรยาก 238 คน โดยให้ทานโอเมก้า 3 ประเภท EPA และ DHA ปริมาณ 1.84 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 32 สัปดาห์ พบว่า จำนวนสเปิร์มและความหนาแน่นของเซลล์สเปิร์มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปริมาณที่ควรรับประทานต่อวัน
วันละ 500-1,000 มิลลิกรัม ทานหลังอาหาร
รู้อย่างนี้แล้วบำรุงก่อนตั้งครรภ์ต้องเสริม Fish Oil ด้วยนะคะ เพื่อเพิ่มคุณภาพเซลล์ไข่และให้คุณสามีทานด้วยเพื่อสเปิร์มที่แข็งแรงค่ะ สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัยนะคะ
Comentarios