ตอบคำถามคาใจแม่
ทำลูกอย่างไร... ให้ติดง่ายขึ้น ?
ปั๊มเบบี๋ 101
How to ทำลูกอย่างไร...ให้ติดง่ายขึ้น
พยายามปั๊มเบบี๋กันอยู่ใช่มั้ยคะมาเปิดตำราปั๊มเบบี๋ 101 กันค่ะ ต้องเตรียมตัวอย่างไร ทำอย่างไรให้ท้องง่ายขึ้นศึกษาและนำไปปฏิบัติตามกันนะคะ
1. #ตรวจเช็คร่างกาย
เมื่อเริ่มวางแผนตั้งครรภ์ คู่สมรสทั้งสองฝ่ายควรพบแพทย์เพื่อเข้าตรวจเช็คร่างกายก่อนค่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองคนไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ ตรวจเช็คความปกติของเลือดที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น ธาลัสซีเมีย สำหรับฝ่ายหญิงต้องตรวจภายในดูว่ามีความผิดปกติของมดลูก รังไข่ หรือช่องคลอดหรือไม่ ส่วนฝ่ายชายก็ตรวจวิเคราะห์คุณภาสเปิร์ม เป็นต้น
การตรวจร่างกายก่อนตั้งครรภ์ สามารถทำได้ง่าย ทุกโรงพยาบาลจะมีแพคเกจนี้ ดังนั้นขั้นตอนแรกก่อนจะมีลูกต้องตรวจเช็คร่างกายให้พร้อมก่อนนะคะ
2. #หยุดทานยาคุมกำเนิด
เมื่ออยากจะมีลูกน้อย แม่ๆ ที่ทานยาคุมกำเนิดมาตลอดควรหยุดทานยาคุม และปล่อยให้ประจำเดือนมาก่อนสัก 3 เดือนแล้วค่อยปล่อยตั้งครรภ์ค่ะ เพื่อเป็นการปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายให้คงที่เสียก่อน ระหว่าง 3 เดือนนั้นก็ให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นไปก่อนค่ะ
3. #งดหวาน #ห้ามอ้วน
ความอ้วน เบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องยากค่ะ เมื่อวางแผนตั้งครรภ์ควรงดทานของหวานเด็ดขาด เพราะความหวานจากน้ำตาบจะไปเพิ่มระดับกลูโคสในเลือดซึ่งส่งผลต่อการท้องยากดังนี้ค่ะ
การมีระดับกลูโคสในเลือดสูงทำให้การหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขหรือ อะดรีนาลีนลดลง เมื่อร่างกายมีความเครียดจะมีผลให้ให้ฮอร์โมนไม่สมดุล ซึ่งจะส่งผลต่อการที่ร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับวงจรการมีประจำเดือน เมื่อประจำเดือนมาไม่ปกติส่งผลต่อการมีบุตรยากค่ะ
การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุในการเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ หรือ ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง (PCOS) หากเกิดภาวะดื้ออินซูลิน (insulin resistance) ขึ้น ทำให้ไข่มีขนาดเล็ก ด้อยคุณภาพ
น้ำตาลส่งผลต่อโรคอ้วน หรือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ความอ้วนมีส่วนทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนผิดปกติ โดยเฉพาะการอ้วนลงพุง เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนผลิตจากไขมัน เมื่อไขมันมากเกินไป การสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ควบคุมการตกไข่ในเพศหญิงอาจเกิดความผิดปกติ #ส่งผลให้ไม่มีการตกไข่ #ประจำเดือนมาน้อยแบบกะปริดกะปรอย #ประจำเดือนขาดหายไป ในผู้ชายก็เช่นเดียวกันหากอ้วนเกินไปก็จะส่งผลให้สเปิร์มไร้คุณภาพค่ะ
4. #ให้เวลา #อย่าเครียด
เรื่องการตั้งครรภ์อาจจะง่ายสำหรับบางคู่ แต่บางคู่ก็ต้องใช้เวลาค่ะ ดังนั้นให้ทำใจให้สบายค่ะ อย่าเครียด หรือ กดดันตัวเองว่าต้องมีลูกได้ทันทีเมื่อปล่อยท้อง ความเครียดนี้เองกลับกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ท้องยากค่ะ เพราะเมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า คอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา หากมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูง จะส่งผลต่อสมดุลวงตรการตกไข่ ทำให้การตกไข่ไม่เป็นปกติ จึงมีแนวโน้มตั้งครรภ์ยากตามไปด้วยนั่นเองค่ะ
5. #บำรุงไข่ ดูแลสุขภาพให้ healthy
แน่นอนว่าการที่แม่ๆ จะตั้งครรภ์ได้นั้นเริ่มจากการปฏิสนธิของ เซลล์ไข่ และ สเปิร์มจากคุณสามี ในส่วนของแม่ๆเองนั้นการบำรุงไข่ให้สมบูรณ์ มีคุณภาพพร้อมรับการปฏิสนธินั้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญลำดับหนึ่งเลยค่ะ
#การบำรุงไข่ทำได้อย่างไร
แม่ๆต้องรู้จักเลือกทานอาหารที่มีโภชนาการสูงเพื่อบำรุงไข่ โดยเน้นการทานโปรตีน เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุดในการเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกาย รวมไปถึงเซลล์ไข่ด้วย โดยควรเลือกรับประทานโปรตีนจากแหล่งที่มีคุณภาพ ไม่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ไข่ไก่ ถั่วและธัญพืชทีให้โปรตีนสูง เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลูกไก่ เมล็ดฟักทอง งาดำ แฟล็กซีด อัลมอนด์ ควินัว เป็นต้น หรือผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งควรดื่มนมแพะแทนนมวัวเพราะมีแลตโตสต่ำ ไม่เสี่ยงการเกิดภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง (PCOS) และนมแพะยังมีโมเลกุลจองโปรตีนที่อ่อนนุ่ม ย่อยง่ายกว่า และก่อแพ้ได้น้อยกว่านมวัวค่ะ
นอกจากนี้แม่ๆต้องทานสารอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เพราะสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยปกป้องเซลล์ไข่ ทำให้ไข่สมบูรณ์ โดยแม่ๆสามารถทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงได้จากผัก ผลไม้ต่างๆ โดยเฉพสะผลไม้รสเปรี้ยวตระกูลเบอร์รี่ หรือ น้ำมะกรูดคั้นสดค่ะ
นอกจากนี้แม่ๆ ต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงโดยรวม อย่าลืมใส่ใจดูแลมดลูกด้วยการทานอาหารที่มีฤทธิ์อุ่น เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกได้อย่างเพียงพอ เช่น ดื่มน้ำขิง หรือดื่มน้ำมะกรูดที่ช่วยทำให้เลือดสูบฉีด ไหลเวียนดี ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนให้วงจรการตกไข่เป็นปกติ พยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งและพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ
6. #บำรุงสเปิร์มสามีด้วย
นอกจากจะมีเซลล์ไข่ที่สมบูรณ์จากฝ่ายหญิงแล้ว สเปิร์มของคุณสามีก็ต้องมีคุณภาพด้วยค่ะ ในทางการแพทย์จะมีปัจจัยในการวัดคุณภาพของสเปิร์มอยู่ 4 ข้อด้วยกันค่ะ ได้แก่
1.ปริมาตรของน้ำเชื้อที่หลั่ง ต้องหลั่งได้ไม่น้อยกว่า 1.5 cc. ต่อการหลั่ง 1 ครั้ง
2.จำนวนสเปิร์ม ต่อการหลั่ง 1 ครั้ง ต้องไม่น้อยกว่า 15 ล้านตัวต่อ 1 cc.
3.อัตราการเคลื่อนไหวของสเปิร์ม ต้องมีเปอร์เซ็นการเคลื่อนไหวไม่ต่ำกว่า 40%
4.รูปร่างของสเปิร์ม ต้องมีรูปร่างสมบูรณ์ ปกติไม่น้อยกว่า 4 %
ซึ่งการหาค่าดังกล่าวสามารถทำได้ด้วยการไปพบแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะน้ำอสุจิค่ะ (Semen Analysis)
ซึ่งการที่อสุจิไร้คุณภาพตามข้อหนึ่งข้อใดก็อาจเป็ยสาเหตุของการมีบุตรยากค่ะ
#บำรุงสเปิร์มคุณสามีได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามคุณผู้ชายสามารถบำรุงสเปิร์มได้ด้วยการทานอาหารที่มีโภชนาการสูงพวกโปรตีนและเน้นเสริมแร่ธาตุบำรุงสเปิร์ม เช่น Zinc แมกนีเซียม ซีลีเนียม และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เซซามิน ไลโคปีน และเบต้าแคโรทีน เป็นต้น ซึ่งแร่ธาตุและสารอาหารเหล่านี้ทีงานผลวิจัยศึกออกมาอย่างแพร่หลายว่าช่วยบำรุงสเปิร์มได้ ทั้งในเรื่องของการเพิ่มปริมาณ เพิ่มอัตราการเคลื่อนไหว และปรับปรุงรูปร่างของสเปิร์ม
แม่ๆจึงควรจัดหาอาหารบำรุงสเปิร์มให้สามีด้วยนะคะ ได้แก่ เมล็ดฟักทอง งาดำ แครอท กล้วยหอม ผักใบเขียวต่างๆ โปรตีนที่ไม่มีไขมันสูง เช่น อกไก่ ปลา หรือ เวย์โปรตีนเสริมอาหารค่ะ
ที่สำคัญต้องดูแลคุณสามีให้เลิกพฤติกรรมทำลายสเปิร์มด้วยนะคะ ได้แก่ การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มคาเฟอีน ออกกำลังกายหนักไป หรือนอนดึก พฤติกรรมเหล่านี้ ลด ละ เลิกไปได้เลยยิ่งดี เพื่อเพิ่มคุณภาพของสเปิร์มและสุขภาพของคุณสามีเองค่ะ
7. #หยุดใช้เจลหล่อลื่น
คู่สมรสบางคู่ใช้เจลหล่อลื่นเพื่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ราบรื่นขึ้น แต่เจลหล่อลื่นทั่วไปนั้นมีสารที่มำลายสเปิร์มค่ะ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยาก ปัจจุบันมีเจลหล่อลื่นสำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร โดยไม่ทำลายสเปิร์มและยังช่วยส่งเสริมให้สเปิร์มเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น คู่สมรสที่ต้องการมีบุตรจึงควรใช้เจลหล่อลื่นโดยเฉพาะนี้แทนค่ะ
8. #รู้วันไข่ตก
เรื่องนี้ผู้หญิงควรรู้เพราะการทำการบ้านวันไข่ตกจะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ค่ะ การทำการบ้านบ่อยไม่เข้าเป้าเท่าทำการบ้านถูกวันนะคะ ดังนั้นแม่ๆ ต้องนับวันไข่ตกให้เป็น เมื่อไข่ตกปุ๊บก็สะกิดสามีทำการบ้านเลยค่ะ
การนับไข่ตกนั้นให้แม่ๆ นับรอบเดือนของตัวเองให้เป็นก่อนว่าเป็นคนมีรอบเดือนกี่วัน ซึ่งรอบเดือนของผู้หญิงแต่ละคนจะสั้น-ยาวไม่เท่ากันค่ะ โดยปกติรอบเดือนจะอยู่ที่ 28 วัน ให้นับวันที่ประจำเดือนมาครั้งแรกเป็นวันที่ 1 และวันสุดท้ายคือวันก่อนที่มีประจำเดือนรอบถัดไป
เช่น ประจำเดือนมาวันแรกวันที่ 1 มีนาคม และ มาอีกครั้งในวันที่ 29 มีนาคม แสดงว่า มีรอบเดือน ตั้งแต่วันที่ 1-28 มีนาคม คือ 28 วัน
#ทีนี้มาดูกันต่อว่าไข่ตกวันไหนของรอบเดือน
โดยปกติไข่จะตกในวันที่ 14 ของรอบเดือน ดังนั้นหากคุณมีรอบเดือน 28 วัน ไข่ก็จะตกในวันที่ 14 ของรอบเดือน (คิดง่ายๆคือให้เอาจำนวนรอบเดือน - 14 ก็จะได้วันไข่ตกค่ะ)
เช่น ถ้ามีรอบเดือน 30 วัน ไข่จะตกในวันที่ 16 ของรอบเดือน
ถ้ามีรอบเดือน 21 วัน ไข่จะตกในวันที่ 7 ของรอบเดือนค่ะ
อย่างไรก็ตามรอบเดือนที่สั้นหรือยาวกว่าปกติ ไข่ที่ตกลงมาอาจไม่มีคุณภาพเท่ารอบปกตินะคะ และการนับวันไข่ตกนี้จะแม่นยำก็ต่อเมื่อคุณมีรอบเดือนที่สม่ำเสมอค่ะ
แม่ๆสารมาถเช็คให้ชัวร์ด้วยการเช็คจากปัสสาวะโดยใช้แถบวัดฮอร์โมนไข่ตก หรือ LH หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปค่ะ
9. มี sex #ถูกวัน #ถูกเวลา
เมื่อรู้วันไข่ตกแล้วก็จะได้สะกิดสามีให้ทำการบ้านถูกวันค่ะ มีเคล็ดลับที่ควรรู้ คือ อสุจิของคุณสามีสามารถมีชีวิตอยู่ในช่องคลอดของฝ่ายหญิงได้ถึง 3-5 วัน แต่ไข่เมื่อตกลงมาแล้วจะอยู่ได้แค่ 12-24 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ ดังนั้นเมื่อนับวันไข่ตกเป็นแล้ว ควรเรียกให้สามีทำการบ้านล่วงหน้ารอก่อนไว้ได้ 2-3 วันเลยค่ะ เมื่อไข่ตกปุ๊บ อสุจิที่รออยู่แล้วก็สามารถว่ายเข้าเจาะไข่ได้ปั๊บค่ะ
อีกอย่างหนึ่งคือ เวลาในการมีเพศสัมพันธ์ค่ะ จริงๆแล้วควรทำการบ้านในเวลาที่ผ่อนคลาย ไม่เครียด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเวลาก่อนนอน แต่มีการศึกษาพบว่า จำนวนสเปิร์มจะมีมากในช่วงเช้า ดังนั้นหากลองเปลี่ยนเวลาดูบ้างก็ไม่เสียหายค่ะ
10. #ปรึกษาแพทย์
มาถึงข้อนี้ หมายความว่าถึงเวลาที่ต้องปรึกษาแพทย์แล้วค่ะ โดยให้ประเมินคู่ของเราดังนี้
มีเพศสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอ (2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
ไม่คุมกำเนิด
เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 1 ปี แต่สำหรับฝ่ายหญิงที่อายุ 35 ปี ขึ้นไป แค่ 6 เดือนพอค่ะ
ประเมินแบบนี้แล้ว พบว่าถูกทุกข้อแล้วยังไม่ท้อง ในทางการแพทย์คือ คู่ของคุณกำลังเข้าสู่ภาวะมีบุตรยากแล้วค่ะ ดังนั้นไม่ต้องอายที่จะมาพบแพทย์เพื่อตรวจโดยละเอียด และอาจใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อช่วยให้ตั้งครรภ์ต่อไปค่ะ
ครูก้อยขอเป็นกำลังใจให้ทุกคู่มีเบบี๋ในเร็ววันนะคะ หากดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง บำรุงไข่ บำรุงสเปิร์มให้สมบูรณ์ มีคุณถาพ เจ้าตัวน้อยก็จะมาอีกไม่นานเกินรอค่ะ