"ช่วง 2 สัปดาห์รอคอย" ห้ามทำอะไรบ้าง ?
top of page

ตอบคำถามคาใจแม่

"ช่วง 2 สัปดาห์รอคอย" ห้ามทำอะไรบ้าง ?

8 สิ่งห้ามทำ "ช่วง 2 สัปดาห์รอคอย"
(The two-week wait)

2 สัปดาห์รอคอย หรือ The two-week wait เป็นช่วงหลังจากที่ไข่ตกและแม่ๆได้ทำการบ้าน จึงเป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ

ช่วง 2 สัปดาห์รอคอยนี้หากนับตามรอบเดือน เมื่อไข่ตกใน Day 14 ช่วงต่อจากนี้จะเรียกว่า "ระยะลูเตียลเฟส" เป็นช่วงอีก 14 วันหลังของรอบเดือนที่ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาเพื่อทำให้ผนังมดลูกหนาตัวขึ้นพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากไม่ท้องผนังมดลูกก็จะหลุดลอกออกมากลายเป็นเลือดประจำเดือนของรอบเดือนถัดไปนั่นเองค่ะ

ดังนั้นในช่วงนี้แม่ๆอาจมีความกังวลใจ รอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าจะท้องหรือไม่ ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วหลังจากไข่ตกใน Day 14 จะเรียกว่าระยะ DPO : Day Past Ovulation ซึ่งแม่ๆ อาจสังเกตอาการต่างๆได้เป็นช่วงๆ ดังนี้ (นับ 1 จาก Day14)

0-7 วัน ของ DPO
จะเป็นระยะเริ่มต้นของช่วงลูเตียสเฟส ตัวอ่อนอาจจะยังไม่ฝังตัว เป็นช่วงที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มสูงขึ้น

7-10 วัน ของ DPO
ตัวอ่อนเริ่มฝังตัวที่ผนังมดลูก ผู้หญิงบางคนอาจเจอเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือ เป็นจุดเล็กๆ เรียกว่า implantation bleeding เป็นเลือดที่ออกมาเพราะการฝังตัวของตัวอ่อน ผู่หญิงบางคนก็ไม่พบสัญญาณนี้

11-14 วัน ของ DPO
ฮอร์โมน hCG ซึ่งเป็นฮอร์โมนตั้งครรภ์เริ่มมีระดับสูงขึ้นหลังจากการฝังตัวของตัวอ่อน อาจมีอาการของคนท้อง เช่น อยากอาหาร เวียนหัว ปัสสาวะบ่อย หลัง 14 วันก็สามารถ test ตั้งครรภ์ได้เลยค่ะ

ดังนั้นจะเห็นว่า 2 สัปดาห์แห่งการรอคอย เป็นช่วงที่ตัวอ่อนกำลังฝังตัว เรามีโอกาสท้อง! ช่วงเวลาอาจไม่ตรงเป๊ะ คลาดเคลื่อนได้ขึ้นอยู่กับรอบเดือนของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม 2 สัปดาห์นี้คือเรามีลุ้น เราต้องคิดว่าเราท้อง คิดว่ามีตัวอ่อนน้อยกำลังฝังตัว เราต้องดูแลให้ดีที่สุดค่ะ ครูก้อยมีคำแนะนำ 8 สิ่งห้ามทำช่วง 2 สัปดาห์รอคอยมาฝาก คนท้องยากยิ่งต้องใส่ใจ อยากท้อง!...มากไปดีกว่าน้อยไปนะคะ

1. #ออกกำลังกายหนัก
ช่วงนี้งดออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงกระโดด หรือกระแทกแรงๆ เช่น วิ่งเร็ว แบดมินตั้น คลาสเต้น หรือยกเวทหนักๆ นะคะ ควรออกกำลังกายแบบเบาๆและสม่ำเสมอค่ะ ได้แก่ การเดิน ปั่นจักรยานอยู่กับที่ หรือ โยคะ

2. #ซาวน่า
ช่วงนี้จะซาวน่า หรือ แช่อ็อนเซนก็ขอให้งดก่อนค่ะ ให้คิดว่าเราอาจมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในครรภ์ ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสไอความร้อน เพราะความร้อนจากไอน้ำทำให้ร่างกายขาดน่ำและเกลือแร่ที่จำเป็นได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนค่ะ

3. #ทำเลเซอร์
แม่ๆ คนไหนต้องทำเลเซอร์ ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงามที่หน้า เลเซอร์กำจัดขนที่ตัว หรือ ขอบบิกินีก็งดก่อนค่ะ เพราะเลเซอร์เป็นคลื่นพลังงานและอาจมีสารเคมีที่อาจมะลุผ่านเข้าผิวหนังได้ ซึ่งอาจส่งผลเป็นการรบกวนกการฝังตัวของตัวอ่อนค่ะ

4. #กินยา
ช่วงนี้ให้ระมัดระวังเรื่องการกินยาพร่ำเพรื่อ แม่ๆบางคนชอบกินยา ไม่สบายนิดหน่อยก็กินยาหลายแบบ หลายขนาน แบบนี้ให้ระมัดระวังค่ะ แต่หากเจ็บป่วยต้องกินยาจริงๆ ก็กินได้ตามปกติค่ะ เพราะสุขภาพร่างกายของแม่เองก็สำคัญที่สุดเช่นกัน หากแม่เจ็บป่วยแล้วตัวอ่อนก็ยากที่จะเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ค่ะ แค่พึงระลึกไว้ว่าไม่กินยาโดยไม่จำเป็นนะคะ

5. #ดื่มชาดอกคำฝอย
ชาดอกคำฝอยเป็นสมุนไพรบำรุงโลหิตของสตรีที่มีสรรพคุณช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ประจำดือนมาเป็นปกติ ดังนั้นหากเราคิดว่าเรากำลังท้องอ่อนต้องงดดื่มค่ะ เพราะคำฝอยมีฤทธิ์ขับลิ่มเลือดนั่นเอง

การดื่มชาดอกคำฝอยให้ได้ประโยชน์ต้องดื่มเพื่อเตรียมตัวตั้งครรภ์ค่ะ เริ่มดื่มเมื่อประจำเดือนมาวันแรก ยาวไป 7-10 วันจะเป็นการขับลิ่มเลือดประจำเดือนค้างเก่าที่ทับถมคั่งค้างในมดลูก สเมือนเป็นการล้างมดลูกให้สะอาด เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกได้เพียงพอ เพิ่มโอกาสติดลูกง่าย
เมื่อไข่ตกและคิดว่ามีโอกาสท้องก็ให้งดดื่มเลยค่ะ

6. #นวด
ไม่ว่าจะเป็นการนวดฝ่าเท้า นวดตัว นวดไทย นวดกดจุด ให้งดก่อนค่ะ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด การนวดอาจส่งผลต่อการบีบรัดของมดลูกและกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานซึ่งอาจส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนค่ะ

7. #ดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ไม่ส่งผลดีต่อร่างกายอยู่แล้วค่ะ หากคิดว่าช่วงนี้เรามีโอกาสตั้งครรภ์ก็ควรงดดื่มก่อนนะคะ เพื่อให้เจ้าตัวอ่อนได้ฝังตัวอย่างสมบูรณ์ที่สุดค่ะ

8. #จมกับความเครียด
ความเครียดเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนค่ะ ช่วงหลังไข่ตกจะเป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาสูงเพื่อให้มดลูกฟอร์มตัวหนาขึ้นเพื่อรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากแม่ๆ เครียดมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการผลิตฮอร์โมนดังกล่าวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนนั่นเองค่ะ

ผลจากการที่เราใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ แม่ๆอาจจะมีเบบี๋ในรอบนี้ก็ได้นะคะ ครูก้อยขอเป็นกำลังใจให้ทุกคู่มีโซ่ทองคล้องใจในเร็ววันค่ะ

ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page