top of page
คัมภีร์บำรุงสเปิร์ม

โดย ครูก้อย ผู้ก่อตั้ง BabyAndMom.co.th

“การตรวจสเปิร์มในผู้ชาย SEMEN ANALYSIS

(การตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์)

520481.jpg
1.jpg
2.jpg

1. การทดสอบอสุจิที่ยังมีชีวิต (Viability) – ค่าปกติของอสุจิที่มีชีวิตต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 58%

2. ความเข้มข้น (Sperm concentration) – มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 15 ล้านเซลล์ต่อมิลลิลิตร

3. การเคลื่อนที่ของอสุจิ (Motility) – ปกติควรจะมีอสุจิที่ยังเคลื่อนที่ได้อย่างน้อย 40%

4. รูปร่างอสุจิ (Morphology) – รูปร่างของอสุจิที่ปกติควรจะมีมากกว่า 4%

3.webp
4.webp

เทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นฮอร์โมนหลักในเพศชาย มีบทบาทสำคัญในพัฒนาการของเนื้อเยื่อในระบบสืบพันธุ์ชาย เช่น อัณฑะและต่อมลูกหมาก ตลอดจนส่งเสริมลักษณะเฉพาะทางเพศทุติยภูมิ เช่น การเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อกับกระดูก และการเกิดขนตัว

 

นอกจากนั้นแล้ว ฮอร์โมนยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ต่อสุขภาพและความอยู่เป็นสุข ระดับฮอร์โมนที่ไม่พอในชาย อาจทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ เช่น ความอ่อนแอของสเปิร์ม การผลิตอสุจิที่ลดลง อวัยวะเพศชายทำงานน้อยลง และการเสียมวลกระดูก

4-5-01.jpg

สั่งซื้อสินค้าผ่าน LINE@ เท่านั้น

640914.jpg

แนะนำใน 1 วัน ให้ทาน...

1. ไข่ต้ม 2-3 ฟอง

2. Pure Red ผงผักสีแดง ไลโคปีนสูง (งานวิจัยชี้ว่า ไลโคปีน ช่วยเพิ่มปริมาณ 70%) ให้ชง 2 ช้อนชาในน้ำ 1 ขวดใหญ่ (น้ำ 1.5 ลิตร) ดื่มระหว่างวัน หรือจะผสมลงในน้ำมะเขือเทศ ดื่มทีเดียวก็ได้

3. เมล็ดฟักทอง 1 กำมือ (วิตามิน E และ Zinc สูง ป้องกันภาวะเป็นหมัน)

4. น้ำผึ้งชันโรง 1-2 ช้อนโต้ะ ผสมในน้ำต้มรากปลาไหลเผือก 250 ml (ดื่มเช้า-เย็น วันละ 2 แก้ว)

5. โปรตีน Ferta เวย์โปรตีนผสมถังเช่าสารอาหารบำรุงสเปิร์มและมันติวิตามินกว่า 30 ชนิด เช๊คดื่มวันละ 2 ซอง

6. Zinc (วิตามินเป็นเม็ด) วันละ 1 เม็ด

7. น้ำมะเขือเทศดอยคำ 1 กล่อง

8. กล้วยหอมวันละ 1 ผล

9. น้ำอินทผลัมวันละ 1 กระป๋อง (งานวิจัยล่าสุดพบว่าอินทผาลัมมี”สารฟีลกูลีน” ที่จะช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย โดยช่วยบำรุงการหลั่งน้ำเชื้อของเพศชาย)

โปรตีน Ferta เวย์โปรตีนสำหรับผู้ชายปั๊มลูก

6.jpg

รีวิวบำรุงสเปิร์ม

เลื่อน ซ้าย-ขวา เพื่อดูทั้งหมด

ใช้นิ้วขยายภาพเพื่อดูรายละเอียด

สั่งซื้อสินค้าผ่าน LINE@ เท่านั้น

คลิปวิธีประทาน รากปลาไหลเผือก (ตงกัตอาลี)

ข่าวช่อง 3 รากปลาไหลเผือก

ต้มรากปลาไหลเผือก ไว้บำรุงสเปิร์มสามี

 LIVE  บำรุงอย่างไรให้สามีมีน้ำยา

LIVE  น้ำผึ้งชันโรงเพิ่มปริมาณและคุณภาพของสเปิร์ม

LIVE ทบทวน หญิงบำรุงอะไร ชายบำรุงอะไร ให้ท้อง!!

LIVE ทานอะไรยังไง ให้เชื้อพุ่ง มาฟังๆๆๆ สะกิดพ่อๆ มาด้วยนะแม่ ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ

LIVE  👉 ภารกิจของฝ่ายสามี 👨

สั่งซื้อสินค้าผ่าน LINE@ เท่านั้น

วิธีรับประทาน

👉 วิธีรับประทานรากปลาไหลเผือก

 

รากปลาไหลเผือกเอามาต้มน้ำ 30 นาที ทิ้งให้เย็น (รสขมตามธรรมชาติ) เวลาจะทานให้ชงกับน้ำผึ้งชันโรง 1–2 ช้อนโต้ะ ดื่มเช้า-เย็น  เป็นเวลา 3 เดือน

7.jpg
8.jpg

รากปลาไหลเผือก (Tongkat Ali ) สิทธิบัตรอเมริกา‼️

– Promote sperm count and motility
– เพิ่มปริมาณอสุจิและเคลื่อนไหว
– Enhance libido and fertility
– เสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศและการเจริญพันธุ์
– Improve testosterone level and physical strength
– เพิ่มระดับฮอร์โมนเพศและความแข็งแรงของร่างกาย
– Increase osteoblasts and maintain bone density
– ช่วยเพิ่มเซลล์สร้างกระดูกและรักษาความหนาแน่นกระดูก
– Improve erection dysfunction
– เพิ่มการแข็งตัวของอวัยเพศชาย

รากปลาไหลเผือก หรือเรียกว่า ตองกัตอาลี (Tongkat Ali) หรือโสมมาเลเซีย (Malaysian ginseng)
เป็นสมุนไพรมหัศจรรย์ระดับโลกเพื่อบำรุงสุภาพของท่านชายที่มีงานวิจัยรองรับกว่า 1700 ฉบับและได้รับการจดสิทธิบัตรในต่างประเทศมากกว่า 370 ฉบับเพื่อใช้เป็นผลิตภัณฑ์อย่างแพร่หลายทั้งในเอเชีย ยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่ในประเทศไทยยังเป็นที่รู้จักกันในวงแคบๆเท่านั้นถึงแม้จะมีประวัติศาสตร์การใช้ประโยชน์มานับหลายร้อยปีเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ทหารก่อนออกรบ หรือชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยในป่าใช้รับประทานเพื่อสร้างความเข็งแรงของร่างกายและช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ต้นปลาไหลเผือกมีมากในประเทศเขตร้อนชื้นโดยเฉพาะ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ ไทย โดยขึ้นยู่ตามธรรมชาติในป่าดงดิบบนภูขา ซึ่งในขณะนี้ได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่ทางการของมาเลเซียตั้งเป้าให้เป็น biotechnology ของประเทศ ซึ่งได้มีการศึกษาวิจัยมากมาย และได้มีการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของโลก ตัวอย่าง เช่น Massachusetts Institute of Technology (MIT) อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามรากปลาไหลเผือกเป็นสมุนไพรที่หายากเพราะต้องไปหาจากป่าลึก การเลี้ยงแบบฟาร์มยังทำได้ไม่สำเร็จและยังอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น อีกทั้งต้นปลาไหลเผือกต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปีเพื่อเติบโตและเก็บสะสมตัวยาที่มีคุณค่าไว้ในราก ถึงแม้จะมีผลิตภัณฑ์มากมาย เช่น แคปซูล กาแฟผสม หรือ ผงชงชา แต่การต้มชิ้นรากแล้วดื่มถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมชาติที่สุด

อ้างอิง


https://bit.ly/2WV4aww

https://bit.ly/2WQE2CX

https://bit.ly/2WsHVPO

https://go.nature.com/2YY1l0h

https://bit.ly/2zuO6K7

https://abcn.ws/2WTm7eO

https://bit.ly/2WUfDN1

โดยรากปลาไหลเผือกมีสรรพคุณที่โดดเด่นดังนี้

1. #เพิ่มจำนวน  #การเคลื่อนไหว และ #คุณภาพของเชื้ออสุจิ


มีงานวิจัยจำนวนมากที่ยืนยันถึงผลการเพิ่มประสิทธิภาพในระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย โดยเฉพาะการเพิ่มปริมาณของเชื้ออสุจิ (sperm count) เพิ่มการเคลื่อนไหว (motility) และคุณภาพความสมบูรณ์ (quality) ของเชื้ออสุจิ  ตัวอย่างเช่น มีงานวิจัยฉบับหนึ่งที่ศึกษาผู้ชาย 75 คนที่เสื่อมสภาวะการเจริญพันธุ์ไม่สามารถมีบุตรตามธรรมชาติได้ โดยให้รับประทานรากปลาไหลเผือกสกัดปริมาณ 200 mg ต่อวันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งพบว่ามีปริมาณของน้ำอสุจิและตัวอสุจิเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเปอร์เซ็นต์ตัวอสุจิที่มีรูปร่าง (morphology) ปกติเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า และ 14.7% ของผู้ชายในการทดลองนั้นสามารถกลับมีลูกได้ตามธรรมชาติ

อีกตัวอย่างงานวิจัยพบว่าผู้ชาย  108 คนวัย 30-55 ปีที่รับประทานรากปลาไหลเผือกสกัดปริมาณ 300 mg ต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์สามารถเพิ่มปริมาณอสุจิได้เฉลี่ย 18% และเพิ่มการเคลื่อนไหวได้ถึง 44% ซึ่งเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการเจริญพันธุ์

 

อ้างอิง

 

https://bit.ly/2Wr07sJ

https://bit.ly/2YYStrx

https://bit.ly/3csSNmb

https://bit.ly/2WO4cq0

https://bit.ly/3fJc1Ge

2. #เพิ่มปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนให้สมดุล


เทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นฮอร์โมนเพศชายที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ทางเพศ การสร้างตัวอสุจิ เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เพิ่มพลังงาน แต่ปริมาณเทสโทสเตอโรนจะลดลงตาอายุที่เพิ่มมากขึ้น ติดแอลกอฮอล์ หรือหลับไม่สนิท โดยชายปกติในวัย 35-40 ปีจะเหลือปริมาณเทสโทสเตอโรนเพียง 65-75% ของวัยหนุ่ม 20-25 ปี โดยผลของเทสโทสเตอโรนที่ลดลงต่ำจะส่งผลให้ความแข็งแรงของร่างกายลดลง ความต้องการทางเพศลดลง เกิดภาวะแข็งตัวได้ไม่สมบูรณ์ของอวัยวะเพศชาย ปริมาณของตัวอสุจิมีจำนวนน้อย ภาวะเจริญพันธุ์ลดลง ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น ผมร่วง มวลกระดูกลดลงและเสี่ยงต่อกระดูกพรุน

ในงานวิจัยหนึ่งศึกษาผู้ชาย 76 คน อายุเฉลี่ย 51 ปี ที่มีปัญหาระดับเทสโทสเตอโรนต่ำ โดยให้รับประทานรากปลาไหลเผือกสกัดปริมาณ 200 mg ต่อวันเป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่า 90% ของผู้ชายที่ศึกษามีระดับเทสโทสเตอโรน กลับมาสู่ภาวะปกติ
นอกจากนี้มีงานวิจัยจำนวนมากทั้งในสัตว์ทดลองและในมนุษย์ที่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานรากปลาไหลเผือกเพิ่มความต้องการทางเพศ เพิ่มการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย

อ้างอิง


https://bit.ly/2YWDkqr

https://bit.ly/2T1o4F8

https://bit.ly/3660T1T

https://bit.ly/2yIfnsv

https://bit.ly/2WrtPxV

https://bit.ly/3ctED4i

https://bit.ly/2WpVI9F

3. #เพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง


สารประกอบจำพวก quassinoids ในรากปลาไหลเผือก ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น  ลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความทนทาน และเพิ่มความแข็งแรงและมวลกล้ามเนื้อในร่างกาย โดยงานวิจัยพบว่าผู้ชายและผู้หญิงจำนวน 25 คนที่รับประทานรากปลาไหลเผือกสกัดปริมาณ 400 mg ต่อวันเป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์มีการเพิ่มมวลและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ  และการศึกษาในกลุ่มผู้ออกกำลังกายผู้ชาย  14 คนที่รับประทานรากปลาไหลเผือกสกัดปริมาณ 100 mg ต่อวันเป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์สามารถลีนร่างกายได้ดีกว่า

 

อ้างอิง

https://bit.ly/2SYqaFE

https://bit.ly/2WpxKLM

 

4. เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก


มีการศึกษาพบว่าระดับเทสโทสเตอโรนที่สมดุลจากการรับประทานรากปลาไหลเผือกมีส่วนช่วยเพิ่มความหนาแน่นกระดูก และป้องกันการสูญเสียแคลเซียมในกระดูก  ซึ่งลดปัญหากระดูกเสื่อมหรือกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ

 

อ้างอิง


https://bit.ly/3dGQ3Sp

https://bit.ly/3dMdg5P

https://bit.ly/2yGDg3D

 

5. รากปลาไหลเผือกมีงานวิจัยว่า ช่วยลดเปอร์เซนต์การสูญเสียศักยภาพในการฝังตัวของตัวอ่อน ทั้งก่อนและหลังกระบวนการฝังตัว (pre-implantation loss and post-implantation loss) ลดการฝ่อของตัวอ่อนในครรภ์ (late resorption)
 

อ้างอิง

https://bit.ly/2xWykXO

ผญ เตรียมวางแผนท้องทานได้เลย วันละ 1 แก้ว

  • ใส่ตัวอ่อนแล้ว พอได้เลย

  • ท้องแล้ว พอได้เลย 

6. ข้อแนะนำ


การรับประทานรากปลาไหลเผือกทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า แต่รับประทานในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับกระสับกระส่ายได้ จึงควรเริ่มรับประทานทีละน้อยสำหรับผู้เริ่มต้น และไม่แนะนำแก่ผู้ป่วยโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน และภูมิแพ้  จากงานวิจัยพบว่าการรับประทานรากปลาไหลเผือกในปริมาณที่พอเหมาะมีความปลอดภัย หากรับประทานแบบสารสกัดหรือแคปซูลไม่ควรเกิน 300 mg ต่อวัน หากรับประทานแบบต้มน้ำดื่มควรใช้ปริมาณรากปลาไหลเผือก 15-35 g ต่อน้ำ 1 L

 

อ้างอิง


https://bit.ly/2SZVbZI

https://bit.ly/3fLxkXy

https://bit.ly/2T0uioI

https://bit.ly/3dGHWVT

วิธีรับประทาน

9.jpg

👉 ภารกิจของฝ่ายสามี 👨

10.jpg

น้ำสีแดง ที่พี่เจมส์กระดกอยู่ คือ Pure red!! ไลโคปีนสูง! งานวิจัยชี้ว่าช่วยเพิ่มจำนวนสเปิร์มได้ถึง 70%

ไลโคปีน คืออะไร ?

ไลโคปีน คือ สารกลุ่มแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสารที่พบในพืช ภาษาอังกฤษเรียกว่า “ไฟโตเคมิคอล (Phytochemical)” ซึ่งมีกว่า 600 ชนิด แต่ที่โดดเด่นคือ อัลฟาแคโรทีน, บีตาแคโรทีน และไลโคปีน ซึ่งเจ้าไลโคปีนนั้นจัดว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก มีฤทธิ์สลายไขมัน ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบ โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยควบคุมและลดกระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันภาวะความไวต่ออันซูลิน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มีผลช่วยให้สุขภาพผิวดี เซลล์สวย ผิวสวยอมชมพู

ในผลงานวิจัยระบุว่าประโยชน์หลักๆ ของไลโคปีน คือ ป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้เป็นปกติ โดยต่อมลูกหมากเป็นต่อมที่สร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ อยู่ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับท่อปัสสาวะ เมื่อผู้ชายมีอายุเพิ่มขึ้นคือ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน) ลดลง โดยส่งผลให้เซลล์ในต่อมลูกหมากแบ่งตัวมากขึ้น ต่อมลูกหมากจึงโตขึ้น และหากมีการอักเสบร่วมด้วยก็จะมีโอกาสกิดมะเร็งได้สูงขึ้น ไลโคปีนจะควบคุมการโตของต่อมลูกหมาก ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อตาย และลดการแบ่งตัวเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก ส่งผลให้สมรรถภาพต่างๆ ทำงานได้เป็นปกติ ดังนั้น คุณผู้ชายที่กำวลใจว่า เมื่อถึงเวลาอันควรแล้วจะยิงประตูไม่เข้า เจ้าไลโคปีนจึงเป็นตัวช่วยอย่างดี เนื่องจาไลโคปีนสามารถเพิ่มจำนวนสเปิร์มได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากหรือต้องการมีบุตร ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้มีสมมติฐานที่ว่า “ภาวะการมีบุตรยากเป็นปัญหาของผู้หญิง” เพราะผู้หญิงเป็นผู้ให้กำเนิดเด็กทารก แต่หลายต่อหลายครั้งปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากจำนวนและคุณภาพของสเปิร์มจากผู้ชายเอง

เมื่อรู้เช่นนี้ เชื่อว่าหลายๆ ท่านกำลังคิดมองหาแหล่งที่มาของไลโคปีนมารับประทานเป็นแน่ ไลโคปีนพบมากในพืชที่มีสีแดง เช่น มะเขือเทศ นอกจากนี้ยังพบในบีทรูท ทับทิม แตงโม มะละกอ แครอท ฟักข้าว ส้มโอสีแดง อีกด้วย

ในส่วนของปริมาณการรับประทานนั้น ร่างกายเราต้องการไลโคปีนประมาณ 6.5 มิลลิกรัมต่อวัน หรือต้องทานมะเขือเทศประมาณ 10 ลูกนั่นเอง แต่ทั้งนี้ ถ้าเรารับประทานแบบสดๆ เราจะได้รับปริมาณไลโคปีนน้อยกว่าการนำไปผ่านความร้อน เนื่องจากสารไลโคปีนจะสะสมอยู่บริเวณผนังเซลล์ของพืชผักต่างๆดังนั้นจำเป็นต้องใช้ความร้อนเพื่อเพื่อให้สารละลายออกมาเพื่อร่างกายจะได้ดูดซึมได้มากขึ้น

หากท่านใดที่ต้องการเสริมในรูปแบบวิตามินชนิดเม็ด หรือผง ก็สามารถทำได้ เช่นกัน โดยในปัจจุบันยังไม่มีรายงานว่าการได้รับไลโคปีนมากเกินไปจะมีผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ในทางการแพทย์ยังระบุว่าเมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณของไลโคปีนในร่างกายจะลดลง ส่งผลให้โอกาสในการเกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม เนื่องจากว่าไลโคปีนเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) จึงมีส่วนสำคัญในการช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง กลไกการออกฤทธิ์ที่สำคัญ คือ เข้าไปจับอนุมูลอิสระในร่างกายของเรา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการทำลายสายดีเอ็นเอ อันก่อให้เกิดโรคมะเร็งนั้นเอง ซึ่งสารไลโคปีนจะช่วยลดการก่อการกลายพันธุ์ หรือยับยั้งวงจรชีวิตของเซลล์มะเร็งลงได้

นอกจากนี้การรับประทานไลโคปีนยังช่วยยับยั้งเอนไซม์สำคัญที่ใช้สังเคราะห์โคเลสเตอรอล และเร่งสลายโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดีหรือ LDL (Low density lipoprotein) ที่มีส่วนทำให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดแข็งตัวได้อีกด้วย

“ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ไลโคปีนได้เอง จึงจำเป็นต้องรับประทานไลโคปีนจากผักผลไม้รวมถึงอาหารเสริม โดยเป็นสารอาหารสำคัญที่พบได้ในผลมะเขือเทศ ที่มีคุณประโยชน์ในการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ที่ชัดเจนที่สุดคือมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ ถ้าปริมาณไลโคปีนในร่างกายเราลดลง อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบต่างๆ และเกิดโรคร้ายในที่สุดจึงจำเป็นต้องรับประทานอาหาร เพื่อเพิ่มปริมาณไลโคปีนให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละช่วงวัยด้วย และวิธีการรับประทานนั้นพบว่า ไลโคปีนที่ผ่านกระบวนการใช้ความร้อน (Heat processed-lycopene) ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าไลโคปีนในธรรมชาติ ดังนั้น หากจะรับประทานผักและผลไม้เพื่อให้ร่างกายได้รับไลโคปีน จึงควรนำผักและผลไม้ไปปรุงให้สุกก่อนครับ”


นพ.สุริยา ธีรธรรมากุล
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวชศาสตร์การกีฬา และเวชศาสตร์ชะลอวัย

สั่งซื้อสินค้าผ่าน LINE@ เท่านั้น

11.jpg

งานวิจัยล่าสุดพบว่า อินทผาลัมมี”สารฟีลกูลีน” ที่จะช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย โดยช่วยบำรุงการหลั่งน้ำเชื้อของเพศชาย

 

ข้อมูลงานวิจัย จากมหาวิทยาลัยมหิดล

 

การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของอินทผลัมมีค่อนข้างมากโดยพบว่าผลของอินทผลัมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระระดับเซลล์ ต้านการอักเสบ ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด ช่วยปกป้องตับ ไต หัวใจ การศึกษาทางคลินิกพบว่าเมื่อให้อาสาสมัครสุขภาพดีรับประทานผลอินทผลัมในขนาด 100 ก./วัน นาน 4 สัปดาห์ จะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลงโดยไม่ส่งผลเสียต่อระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัวด้วย และการศึกษาในชายที่มีภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศพบว่า สารสกัดจากละอองเกสรของอินทผลัม (Date Palm Pollen; DPP) ซึ่งอุดมไปด้วย amino acids, fatty acids, flavonoids, saponins และ estroles สามารถช่วยให้จำนวนอสุจิและการเคลื่อนที่ของอสุจิเพิ่มขึ้น รวมทั้งทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเพิ่มขึ้นด้วย

12.jpg

พี่ต๊ะ บอยสเก๊าท์ ดื่มน้ำอินทผลัม Pure Heaven

ความหวานดี ความหวานที่มีประโยชน์ น้ำอินทผลัม 100% Pure heaven

สั่งซื้อสินค้าผ่าน LINE@ เท่านั้น

สินค้าชุดบำรุงชาย

119499.jpg

สั่งซื้อสินค้าผ่าน LINE@ เท่านั้น

ครูก้อย.jpg

ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์

สวัสดีค่ะ ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page