top of page

ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ด้วยบริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์ของบริษัทในการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นและอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย

 

1. ข้อมูลส่วนบุคคลคืออะไร

ข้อมูลส่วนบุคคลแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่

1) ข้อมูลส่วนบุคคล (ทั่วไป) เช่น

ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลธรรมดาที่มีชีวิตอยู่ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ email address หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลการใช้งาน เป็นต้น

2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา ข้อมูลสุขภาพ หรือข้อมูลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

 

2. บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากไหน

1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากท่านโดยตรง

บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรง โดยวิธีการหนึ่งวิธีการใด ในกรณีต่อไปนี้:

• ท่านแจ้งต่อพนักงานหรือตัวแทนของบริษัท เมื่อท่านติดต่อสอบถามหรือขอรับข้อมูลจากบริษัท หรือ สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางการขายของบริษัท

• ใบสมัครใช้บริการ หรือแบบคำขอใช้บริการ หรือแบบคำขอเพิ่มเติม/เปลี่ยนแปลงบริการ การสมัครใช้บริการเสริม การรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ

• ท่านลงทะเบียนโดยการสร้างบัญชีผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน

• ท่านได้ทำแบบสอบถามหรือติดต่อสื่อสารกับบริษัทผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ ทางโทรศัพท์ อีเมล

แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์อื่นของบริษัท หรือผ่านพนักงานของบริษัท

• ท่านทำรายการหรือให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน หรืออุปกรณ์ของบริษัท

 

1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติ

บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อท่านเข้าใช้บริการของบริษัทผ่านเว็บไซต์ และ/หรือแอปพลิเคชัน โดยบริษัทจะมีการเก็บข้อมูลของท่าน เช่น

- ข้อมูลการใช้บริการของท่าน ข้อมูลการติดต่อสื่อสารกับบริษัท ข้อมูลโซเชียลมีเดีย ข้อมูลแอปพลิเคชันและบราวเซอร์ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้บริการเพื่อใช้บริการหรือติดต่อสื่อสารกับบริษัท

- การระบุตำแหน่งอุปกรณ์ของท่าน ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถให้บริการฟีเจอร์ต่างๆ ได้ โดยท่านสามารถควบคุม

การจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวผ่านการตั้งค่าอุปกรณ์ของท่านได้ ทั้งนี้ ระบบการตั้งค่าอาจมีความแตกต่างกันตาม

แต่ระบบปฏิบัติการ

- การใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อรวบรวมข้อมูลในขณะที่ท่านใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน โดยช่วยให้บริษัทสามารถจัดให้มีการบริการที่ดีขึ้น เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่าน เมื่อท่านใช้บริการ และ/หรือเข้าสู่แพลตฟอร์ม cookies คือ text files ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของท่านที่ใช้เพื่อจัดเก็บรายละเอียดข้อมูล log การใช้งานอินเทอร์เน็ตของท่านหรือพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของท่าน

3. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม

1) บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหลายประเภทเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการ หรือบริการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใดภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัท หรือที่ท่านให้ความยินยอมไว้ โดยสามารถจำแนกจัดกลุ่มประเภทข้อมูล อาทิ

· ข้อมูลการติดต่อ เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน เพศ อายุ ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล สถานที่ติดตั้ง

· ข้อมูลการเงิน เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธนาคารหรือการชำระเงิน รวมทั้งจำนวนเงิน วันและเวลาการชำระเงิน

· ข้อมูลการสื่อสาร เช่น บันทึกข้อมูลสนทนา ข้อมูลการสื่อสารกับพนักงานของบริษัทผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ทางโทรศัพท์

· ข้อมูลการซื้อสินค้าของบริษัท เช่น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ จำนวน ราคา ระยะเวลาที่ซื่อติดต่อกัน ระยะเวลาและวันที่ท่านเข้าสู่ระบบการใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลกิจกรรมการใช้งาน พฤติกรรมการใช้บริการ เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบรวมถึงหน้าเว็บไซต์ที่ท่านเข้าถึงก่อนที่ท่านจะเข้าสู่แพลตฟอร์มหรือหน้าเว็บไซต์หรือรายการที่ท่านเข้าชม จำนวนเวลาหรือรายการที่ท่านใช้ในการชมหน้าเว็บไซต์ สินค้าหรือข้อมูลที่ท่านค้นหาในแพลตฟอร์ม เวลาและวันที่เข้าชมหรือการกดดูเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มต่างๆ ของบริษัท

2) กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว บริษัทจะไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) เว้นแต่

(1) ได้รับความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้ง (explicit consent)

(2) เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ ซึ่งท่านไม่สามารถให้ความยินยอมได้

(3) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

 

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัทมีนโยบายการเก็บ รวมรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และ/หรือตามกฎหมายอื่นที่บริษัทต้องอยู่ภายใต้บังคับกำหนดให้ส่งข้อมูล และ/หรือตามกฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งหน่วยงานกำกับดูแลที่บริษัทต้องอยู่ภายใต้บังคับ เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโทรคมนาคม กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับบริการของบริษัท เป็นต้น อันเป็นกรณีตามฐานการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้แก่

• เพื่อการสะสมคะแนนจากการซื้อสินค้า รวมทั้งใช้คะแนนสะสมนั้นทำการแลกหรือรับสิทธิประโยชน์ใดๆ จากบริษัทตามรายการโปรโมชั่นสินค้าแต่ละประเภทที่บริษัทกำหนด และ/หรือนโยบายทางการตลาดของบริษัท

• เพื่อสอบถาม ศึกษา ประเมิน และทำความเข้าใจถึงความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าในสินค้าและบริการให้คำปรึกษา

• เพื่อวิเคราะห์หรือการวิจัยข้อมูลความสนใจในสินค้าและบริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวางแผนทางการตลาดและ/หรือกิจกรรมทางการตลาดที่เป็นประโยชน์และตรงใจลูกค้า

• เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสาร รายการส่งเสริมการขาย ข้อเสนอและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เกี่ยวกับการให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท หรือของบุคคลที่บริษัทเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ทางโทรศัพท์ ข้อความสั้น (SMS) อีเมล Line แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ หรือผ่านพนักงานหรือตัวแทนของบริษัท

4.2 บริษัทอาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเหตุผลและ/หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่อาจมีขึ้นเพิ่มเติมในอนาคตซึ่งบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (Facebook, Line) ข้อความสั้น (SMS) เว็บไซต์ ข้อความผ่านอุปกรณ์ให้บริการ หรือตามแบบวิธีการของบริษัทเป็นคราวๆ

บริษัทอาจใช้ฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ชอบธรรมมากกว่าหนึ่งฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรมของบริษัทที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

กรณีที่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความจำเป็นและมีวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย บริษัทจะดำเนินการให้ท่านรับรู้และให้ความยินยอมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความสั้น (SMS) เว็บไซต์ ข้อความผ่านอุปกรณ์ หรือตามแบบวิธีการของบริษัทเป็นคราวๆ ทั้งนี้ ท่านสามารถยกเลิกหรือถอนการให้ความยินยอมกับบริษัทได้ตลอดเวลาโดยผ่านระบบการยกเลิกการรับข้อมูลของบริษัท

ทั้งนี้ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทเพื่อเข้าทำสัญญาหรือเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมาย อาจส่งผลกระทบทำให้บริษัทไม่สามารถให้บริการแก่ท่านได้ หรืออาจทำให้ท่านไม่ได้รับความสะดวกในการใช้บริการ

4.3 บริษัทอาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองหรือโดยบุคคลอื่น

 

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

5.1 บริษัทอาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท โดยบริษัทอาจเปิดเผยหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลหรือหน่วยงานทั้งที่อยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ ดังต่อไปนี้

(1) ผู้ประมวลผลข้อมูล

(2) ผู้ให้บริการด้านขนส่ง เช่น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

(3) ผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมและการเงิน เช่น ธนาคาร ตัวแทนรับชำระเงิน

(4) ผู้ให้บริการด้านเทคนิคโนโลยีและ/หรือจัดทำโปรแกรมและ/หรือระบบ IT

(5) ที่ปรึกษาด้านต่างๆ เช่น ด้านเทคโนโลยี ด้านการตลาด เป็นต้น

(6) หน่วยงานที่ต้องการตรวจสอบการบริหารจัดการข้อมูลทั้งภายในและภายนอก

(7) หน่วยงานกำกับ หน่วยงานของรัฐบาล หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือบุคคลใดๆ ก็ตามที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลเท่าที่กฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด

(8) หน่วยงานอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย เช่น การดำเนินกระบวนการทางกฎหมาย หรือการฟ้องร้อง หรือในกรณีเฉพาะอื่นๆ เช่น เป็นไปตามคำสั่งศาล

(9) บุคคลอื่นใดที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจและ/หรือให้บริการแก่ท่าน รวมถึงดำเนินการใดๆตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

(10) บุคคลที่สนใจลงทุนในบริษัทหรือตัวแทนของบุคคลดังกล่าวในการวิเคราะห์และประเมินข้อมูลในเชิงลึก (due diligence purpose) ไม่ว่าจะเป็นการเข้าลงทุนร่วม การควบรวม การโอนกิจการ หรือการขายธุรกิจหรือทรัพย์สินไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ที่ปรึกษาของบุคคลเหล่านั้น ซึ่งรวมตลอดถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานกำกับดูแลในเรื่องดังกล่าว

 

6. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

1. บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งที่อยู่ในรูปแบบเอกสาร และ/หรือรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และจัดให้มีการรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานเพื่อให้การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความปลอดภัย โดยบริษัทมีมาตรการป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การแก้ไข หรือการเปิดเผยโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ได้รับอนุญาต

2. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับมาจะถูกนำไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทเท่านั้น และบริษัทจะดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของท่าน

3. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

• บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านยังใช้บริการหรือมีนิติสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตลอดระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดโดยมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ เช่น มาตรฐานทางบัญชี มาตรฐานทางกฎหมาย และกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง

• กรณีการให้บริการสิ้นสุดลง บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ เป็นระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่บริการสิ้นสุดลง เว้นแต่มีกฎหมายกำหนดให้จัดเก็บเป็นระยะเวลาที่มากกว่าหรือน้อยกว่าระยะเวลาดังกล่าว หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติตามหรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

• ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้มาจากคุกกี้ (Cookies) ในการเก็บข้อมูลเมื่อท่านเข้าใช้เว็บไซต์ บริษัท

จะเก็บไว้ตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด

• เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้

 

 

7. นโยบายเรื่องคุกกี้ (Cookies)

1. Cookies เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ (Functionality Cookies):

บริษัทใช้ Cookies เพื่อพัฒนาการทำงานของเว็บไซต์ (Functionality Cookies) ในการจัดเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของท่านเพื่อช่วยให้บริษัท สามารถจัดให้มีการ

บริการที่ดีขึ้น เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น Cookies ประเภทนี้ช่วยให้บริษัทจดจำอุปกรณ์หรือบราวเซอร์ของท่านเพื่อให้บริษัทสามารถจัดทำเนื้อหาให้เหมาะสมกับความสนใจส่วนบุคคลของท่านได้รวดเร็วขึ้น และช่วยให้การบริการและแพลตฟอร์มสะดวกสบายและเป็นประโยชน์ต่อท่านมากขึ้น ในการปิดใช้งาน Cookies นี้ ท่านสามารถตั้งค่าอุปกรณ์ของท่านโดยดูวิธีการช่วยเหลือของบราวเซอร์หรืออุปกรณ์ของท่าน

2. Cookies เพื่อการวิเคราะห์ (Analytic cookies):

บริษัทใช้ Analytics Cookies ที่ให้บริการโดยบุคคลภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์ ของบริษัทมีการใช้งานอย่างไร บริษัททำข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นข้อมูลนิรนามทั้งหมด (Anonymization) และส่งผ่านไปที่บุคคลภายนอกผู้ที่จะสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้หรือเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ให้กับบุคคลอื่นที่ประมวลผลข้อมูลให้ตามที่กฎหมายอนุญาต บุคคลภายนอกจะไม่รวมข้อมูลของท่านที่ได้ไปจากเว็บไซต์บริษัทกับข้อมูลที่บุคคลภายนอกมีอยู่แล้ว ท่านสามารถเลือกปิดการใช้งาน Cookies ลักษณะนี้บนหน้าเว็บไซต์บริษัท

 

8. นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ Website อื่น

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัท และการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท เท่านั้นหากท่านได้กด link ไปยังเว็บไซต์อื่น หรือบริการหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่น (แม้จะผ่านช่องทางในเว็บไซต์ อุปกรณ์ให้บริการ หรือแอปพลิเคชันของบริษัทก็ตาม) ท่านจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ปรากฏในเว็บไซต์นั้นๆ แยกต่างหากจากของบริษัท

 

9. การเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะตรวจสอบประสิทธิภาพของนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวจะถูกประกาศหรือตีพิมพ์ไว้บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มอื่นของบริษัท

 

10. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในการใช้สิทธิดังกล่าว ท่านสามารถติดต่อบริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของบริษัทตามที่อยู่ข้างล่างเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิข้างต้นพร้อมนำหลักฐานมาเพื่อการตรวจสอบ พิสูจน์

จนสามารถเชื่อได้ว่าท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจริง และบริษัทจะดำเนินการตามคำขอของท่านภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ บริษัทจะดำเนินการพิจารณาคำขอของท่านตามขอบเขตของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธได้หากบริษัทพิจารณาเห็นว่าเป็นคำร้องขอใช้สิทธิที่ไม่สุจริตไม่สมเหตุสมผล ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง หรือบริษัทอาจปฏิเสธคำร้องขอของท่านตามคำสั่งศาลหรือตามหลักเกณฑ์อื่นใดที่กฎหมายกำหนด และบริษัทจะให้เหตุผลการปฏิเสธคำขอของท่านด้วย

 

11. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

 

บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลหรือหน่วยงานหรือกลุ่มพันธมิตรที่บริษัทเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายที่อยู่ต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของท่านหรือประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท และบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบหากประเทศปลายทางผู้รับข้อมูลดังกล่าวมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด ในกรณีดังกล่าว บริษัทจะจัดให้มีกระบวนการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลท่านเป็นสำคัญ

 

12. ช่องทางการติดต่อกับบริษัท

หากท่านมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไข โปรดติดต่อเราผ่านทางศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทร 083-439-5882 (จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 – 17.30 น.)

bottom of page