top of page
ค้นหา

ไม่ท้องสักที ปั๊มเบบี๋จนท้อ มาดู 5 เหตุผลที่แท้จริงกัน


ไม่ท้องสักที ปั๊มเบบี๋จนท้อ มาดู 5 เหตุผลที่แท้จริงกันค่ะ ต้องอ่านและศึกษาให้เข้าใจ ต่อจากนี้ไปได้รู้ปัญหา จะได้บำรุงให้ตรงจุด เพิ่มโอกาสท้องค่ะ



1. ไข่


เซลล์ไข่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการตั้งครรภ์ และแม่ๆ รู้ไหมไข่มันมีจำนวนจำกัด อีกทั้งยังเสื่อมคุณภาพลงไปเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น ดังนั้นผู้หญิงอายุมากจึงท้องยาก (หากไม่มีปัญหาอื่นร่วมด้วย) แค่แก่ไปไข่ก็เสื่อม ท้องยาก ยังไม่รวมว่าอาจตรวจเจอปัญหามดลูก หรือฮอร์โมนไม่สมดุลอีก


ผู้หญิงเราตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เรามีเซลล์ไข่ติดตัวมาแล้วนะคะประมาณ 7 ล้านใบ มันฟังดูเยอะมากจนไม่มีวันหมด แต่เมื่อเราถูกคลอดออกมาไข่จะลดลงอย่างมหาศาล เหลือเพียง 1-2 ล้านใบ และจะปล่อยออกมา (ตกไข่) ทุกช่วงของการมีประจำเดือนตลอดชีวิตของเราเดือนละ 1 ใบ


นั่นหมายความว่าเราจะมีเซลล์ไข่เหลืออยู่ประมาณ 7


แสนใบเมื่อถึงระยะเวลาที่เราเริ่มมีประจำเดือน!

แต่จะมีไข่ที่มีผลทำให้ตั้งครรภ์ได้เพียง 400-500 ฟองเท่านั้น เพราะการตกไข่แต่ละครั้งจะมีไข่เพียงฟองเดียวที่สมบูรณ์ พร้อมจะให้อสุจิเข้ามาผสมได้


เราไม่ได้มีเซลล์ไข่มากมายเพียงพอที่สามารถรอท้องเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเซลล์ไข่ "ลดจำนวนลง" และ "ลดคุณภาพลง" เมื่ออายุเพิ่มขึ้น


.

.


อันดับต่อมา คือ...อัตราความผิดปกติของโครโมโซมในเซลล์ไข่จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้นในแต่ละปี จึงทำให้ผู้หญิงที่มีอายุมากตั้งครรภ์ยากและมีโอกาสแท้งบุตรสูงขึ้น


📈โดยอัตราความผิดปกติของโครโมโซมในเซลล์ไข่สัมพันธุ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น ดังนี้


👉อายุ 25 โครโมโซมผิดปกติ 25%


👉อายุ 35 โครโมโซมผิดปกติ 50%


👉อายุ 40 โครโมโซมผิดปกติ 85-90%


ซึ่งไข่ที่มีโครโมโซมปิดปกติจะส่งผลต่อ "อัตราการปฏิสนธิ " "การแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติ" "การฝังตัวของตัวอ่อนที่ไม่สมบูรณ์ หรือ "การแท้งในระยะเริ่มต้น"


.


📈จึงส่งผลต่ออัตราในการตั้งครรภ์ในแต่ละรอบเดือนตามช่วงอายุ ดังนี้


👉ผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 35 จะมีโกาสท้องอยู่ที่ 25-30% ในทุกรอบเดือน


👉ผู้หญิงอายุ 35-39 มีโอกาส 8-15%


👉ผู้หญิงอายุ 40-42 มีโอกาส 5%


👉ผู้หญิงอายุ 43 มีโอกาส 1-2%


.

.


ดังนั้น "อยากเพิ่มโอกาสท้อง" ต้องบำรุงเซลล์ไข่ให้สมบูรณ์ ถึงแม้อายุจะเพิ่มขึ้น เซลล์ไข่มีจำนวนลดลง แต่เราสามารถ "บำรุงไข่ที่มี" ให้มีคุณภาพได้ ด้วยหลักโภชนาการ "การทานอาหารที่ถูกต้อง"

.


📚จากงานวิจัยที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับโภชนาการที่ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Frontier in Public Health เมื่อปี 2018


ศึกษาพบว่า...อาหารที่ถูกหลักโภชนาการส่งผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ที่เพิ่มขึ้น (Influence of Diet on Fertility) โดย "โปรตีน" เป็นสารอาหารหลักที่ขาดไม่ได้ ที่ช่วยบำรุงเซลล์ไข่ ช่วยให้ไข่ตกปกติ และสำหรับคนที่ทำเด็กหลอดแก้ว การทานโปรตีนเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มอัตราความสำเสร็จในการตั้งครรภ์อีกด้วย


.


ที่สำคัญต้องเลือกทานโปรตีนจากแหล่งที่ให้โปรตีนชั้น


ดี ให้โปรตีนสูง และปลอดภัย คนบำรุงเตรียมท้องควรเลือกทานโปรตีนจากพืช (Plant-Based Protein) โดยมีงานวิจัยศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ทานโปรตีนจากพืช ไขมันดี และวิตามินแร่ธาตุครบถ้วนมีความเสี่ยงเรื่องภาวะไม่ตกไข่ลดลงถึง 66%


.


📚ยังมีการศึกษาจาก Harvard School of Public health พบว่า การทานโปรตีนจากสัตว์ที่อาจมีฮอร์โมนเร่งเนื้อแดงตกค้างและมีไขมันสูงทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงมีบุตรยากถึง 39%


.


📚 ยังมีอีกงานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of obstetrics and gynaecology เมื่อปี 2008


ศึกษาพบ...ว่าผู้หญิงที่เปลี่ยนการรับประทานโปรตีนจากสัตว์มาเป็นโปรตีนจากพืชอาจช่วยลดความเสี่ยงจากการมีบุตรยากเนื่องปัญหาเรื่องไข่ไม่ตกได้ถึง 50%


.


📚และงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Fertility and Sterility เมื่อปี 2012


ศึกษาพบว่า...ผู้ที่จะเข้ากระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ที่เปลี่ยนการรับประทานอาหารเป็นแบบเพิ่มโปรตีนมากขึ้นและลดคาร์โบไฮเดรตลง ก่อนที่จะเข้ากระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว


👉โดยเพิ่มโปรตีน 16.4%


👉ลดคาร์บ 22.3%


📈มีอัตราการเพิ่มจำนวนของบลาสโตซิสต์ (blastocyst) จาก18.9% เป็น 45.3%

โดยจะมีอัตราการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นจาก 16.6% เป็น 83% เลยทีเดียวค่ะ


.

.


อยาก "เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์" ต้องหันมาบำรุงไข่ ด้วยโภชนาการที่ถูกต้อง "เน้นโปรตีน" เพื่อบำรุงและซ่อมแซมเซลล์ไข่ให้สมบูรณ์ อย่าลืมว่า "ตราบ


ใดที่เรายังมีไข่ เรายังบำรุงให้เป็นไข่ที่มีคุณภาพได้ ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความมีวินัยของแม่ๆ...แล้วไข่ใบนี้ก็จะกลายเป็น "ตัวอ่อน"น้อยๆในครรภ์ของแม่ในอนาคตค่ะ



2. ฮอร์โมน



แม่ๆรู้ไหม❓สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงมีบุตรยากเกิดจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุล ผู้หญิงเราอาจพบเจอกับอาการต่างๆ มากมายที่กวนใจ เช่น ปวดท้องก่อนมีประจำเดือน ประจำเดือนขาดหาย สิวขึ้นตลอดเวลา อ่อนเพลียไม่มีสาเหตุ เป็นต้น แต่เราอาจไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันส่งผลมาจากฮอร์โมนที่ผิดปกติ เพราะฮอร์โมนนี่แหละที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายให้เป็นไปตามปกติ รวมไปถึงฮอร์โมนเพศที่ควบคุมการทำงานของระบบสืบพันธุ์


ฮอร์โมน (Hormone) คือ สารเคมีที่ถูกสร้างขึ้นจากกลุ่มเซลล์ในต่อมไร้ท่อ (eEdocrine Gland) แล้วส่งไปตามกระแสเลือด ไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อกระตุ้น หรือยับยั้งกระบวนการต่างๆ ในเซลล์ หรืออวัยวะเป้าหมาย (target cells หรือ target organs) ทำหน้าที่ควบคุมกระบวนการต่างๆในร่างกาย ได้แก่


- ช่วยในการเจริญเติบโต

- การอยากอาหาร

- การย่อยอาหาร

- การนอนหลับ

- รอบเดือน

- อุณหภูมิของร่างกาย


- อารมณ์ และ พฤติกรรมการเข้าสังคม

- ระบบภูมิคุ้มกัน

- กลไกการป้องกันสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

- รวมไปถึงการทำงานของระบบสืบพันธุ์


ฮอร์โมนไม่สมดุลเกิดขึ้นเมื่อมีการผลิตฮอร์โมนมากหรือน้อยเกินไป ซึ่งไม่แปลกเลยหากเกิดฮอร์โมนไม่สมดุลขึ้น มันจะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆของร่างกายและสุขภาพโดยรวม เพราะฮอร์โมนคือน้ำหล่อเลี้ยงของทุกระบบที่กล่าวมา


สำหรับระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงนั้นมีฮอร์โมนที่สำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบสืบพันธุ์ที่สำคัญ ได้แก่


(1) ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) มีหน้าที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ ของเพศหญิง เช่น การตกไข่ การมีประจำเดือน สะโพกผาย เสียงแหลม แล


(2) ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ทำหน้าที่กระตุ้นมดลูกให้เตรียมรับการฝังตัวของตัวอ่อน เมื่อมีการตกไข่ หรือ ปฏิสนธิ หากฮอร์โมนไม่สมดุลหรือผิดปกติจะส่งผลต่อการทำงานของ


รังไข่ ทำให้ไข่ไม่เจริญเติบโต มีปัญหาเรื่องรอบเดือนไม่ปกติส่งผลต่อวงจรการตกไข่ที่ไม่ปกติ ทำให้ท้องยากนั่นเองค่ะ


นอกจากนี้หากมีความผิดปกติเรื่องการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Luteal Phase Defect) ซึ่งร่างกายจะถูกสร้างหลังไข่ตกเพื่อทำให้ผนังมดลูกฟอร์มตัวหนาขึ้นเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากมีปัญหาเรื่องนี้แม่ๆก็จะประสบกับภาวะที่ตัวอ่อนไม่ฝังตัว หรือ แท้งในระยะเริ่มต้นได้ง่ายนั่นเองค่ะ


(3) ฮอร์โมน FSH (Follicle-Stimulating Hormone) ฮอร์โมนที่บอกถึงการทำงานของรังไข่และการสร้างฟองไข่ ฮอร์โมนตัวนี้หากมีค่าสูงขึ้นแสดงว่ารังไข่เสื่อมลง ต้องทำงานหนักขึ้น และผลิตไข่ที่ไม่มีคุณภาพ ไข่ไม่โตตามเกณฑ์ เป็นต้น


(4) ฮอร์โมน LH (Luteinizing hormone) เป็นฮอร์โมนที่บอกถึงการตกไข่ หากมีฮอร์โมนตัวนี้แสดงว่าร่างกายมีการตกไข่ ไข่โตสมบูรณ์พร้อมตก


หากฮอร์โมนทั้งหมดนี้ไม่สมดุล แน่นอนว่าระบบ


สืบพันธุ์ก็จะทำงานไม่เป็นปกติ ส่งผลให้รอบเดือนยาว หรือสั้นเกินไป ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไข่ไม่ตก ผนังมดลูกไม่หนาตัว ตัวอ่อนไม่ฝังตัว หรือ แท้งง่าย


👉ซึ่งสาเหตุหลักที่ส่งผลให้ฮอร์โมนผิดเพี้ยนคือการกิน โภชนาการที่ไม่ถูกต้อง กินของหวาน มันทอด อาหารแปรรูป นอนไม่พอ เครียด ไม่ออกกำลังกาย มีภาวะอ้วน เบาหวาน ความดันร่วมด้วย ส่งผลให้รังไข่เสื่อม วัยทองก่อนวัย


.



3. มดลูก


การจะตั้งครรภ์นั้น นอกจากจะต้องมีเซลล์ไข่ที่สมบูรณ์แล้ว เมื่อเกิดการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนน้อยๆ ตัวอ่อนก็จะเคลื่อนมาฝังตัวที่ผนังมดลูกและเจริญเติบโตในครรภ์ต่อไป ดังนั้นผนังมดลูกจึงเปรียบเสมือนบ้านหลังแรกของตัวอ่อน ผนังมดลูกที่แข็งแรงจึงจะเป็นบ้านที่สมบูรณ์พร้อมให้ตัวอ่อนมาฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไปได้


ผนังมดลูกที่สมบูรณ์พร้อมต้องมีลักษณะดังนี้


(1) หนาตามเกณฑ์ 8-10 มิล

(2) ใส ไม่หนาทึบ หมักหมมก้วยปจด.เก่าคั่งค้าง

(3) เรียง 3 ชั้นสวย (Triple lines)

(4) มดลูกที่อุ่น เนื่องจากมีเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเพียงพอ

(5) ไม่มีสารพิษตกค้าง


มดลูกที่หนาทึบเพราะมีประจำเดือนเก่าคั่งค้าง ทับถม เป็นมดลูกที่สกปรก เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกได้ไม่เพียงพอ ลองนึกถึงภาพของแอร์ที่ไม่ได้ล้างสิคะ สกปรก ฝุ่นทับถม อากาศที่ออกมาก็ไม่บริสุทธิ์ มดลูกก็เช่นกัน ต้องดีท็อกซ์ขับเลือดเก่า หรือ สารพิษจากการใช้ฮอร์โมนต่างๆออกมา เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้เลือด เลือดไหลเวียนนำพาสารอาหารไปเลี้ยงมดลูกได้เพียงพอ



นอกจากนี้ต้องไม่มีความผิดปกติที่มดลูก เช่น มีเนื้องอกที่โพรงมดลูก มีติ่งเนื้อที่โพรงมดลูก ช็อกโกแลตซีสต์ หรือ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ซึ่งล้วน


เป็นปัญหาที่ขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนทั้งสิ้นค่ะ


.


👉เราจะดูแลมดลูกได้อย่างไร?


เราไปดู 3 วิธีดีท๊อกซ์มดลูกง่ายๆกันค่ะ


(1) "ดื่มชาดอกคำฝอย" ตัวช่วยล้างประจำเดือนเก่า


เมื่อเริ่มมีประจำเดือนให้ดื่มชาดอกคำฝอยยาวไปเลยค่ะ 7-10 วัน ดอกคำฝอยมีสรรพคุณทางยาที่สำคัญคือการขับลิ่มเลือด การดื่มชาดอกคำฝอยจึงช่วยขับประจำเดือนเก่าที่คั่งค้างทับถมในมดลูก "เสมือนเป็นการล้างมดลูกให้สะอาด" ประจำเดือนจะไหลออกมาดีขึ้น สีแดงสะอาด


นอกจากนี้ดอกคำฝอยช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนสตรีทำให้เลือดไหลเวียนดี ประจำเดือนมาปกติ และยังช่วยลดน้ำตาล ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วยค่ะ


แม่ๆแชร์ความประทับใจของผลลัพธ์สุดว้าวจากการดื่มชาดอกคำฝอยมาให้ครูก้อยฟังทุกวัน

"ดื่มชาดอกคำฝอย เลือดประจำเดือนสีแดงสดเลยค่ะครูก้อย"

"ดื่มช่วงแรกๆมีลิ่มเลือดถูกขับออกมา จากนั้นเลือดปจด.สีสด ไม่ปวดท้องปจด.เลยค่ะรอบนี้"

"ดื่มชาดอกคำฝอย ปจด.มาดีมากค่ะ จากเมื่อก่อนมาแบบกะปริดกะปรอย"


ครูก้อยบอกเลยว่านี่คือเคล็ดลับที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้มดลูกแม่ๆสะอาด เลือดไหลเวียนนำสารอาหารไปเลี้ยงอย่างเพียงพอ เป็นการสร้างบ้านที่น่าอยู่ที่สุดให้ตัวอ่อนน้อยๆของเรา


.



(2) "ดื่มขิงดำ" เพิ่มสภาวะมดลูกอุ่น


ขิงดำเป็นขิงชนิดพิเศษที่มีสรรพคุณทางยามากกว่าขิงธรรมดาถึง 5 เท่าและให้รสชาติเข้มข้นเต็มรสขิงมากกว่าขิงธรรมดาถึง 3 เท่า



การดื่มน้ำขิงดำเป็นประจำ ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดี เพิ่มออกซิเจนในเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนนำสารอาหารไปเลี้ยงมดลูกได้อย่างเต็มที่


ขิงดำยังมีฤทธิ์อุ่น ช่วยปรับสภาพภาวะในร่างกายที่มีความเย็น ให้ร่างกายอบอุ่น เพิ่มระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี มดลูกอุ่น ติดลูกง่ายขึ้นค่ะ

แม่ๆจะดื่มน้ำขิงช่วงไหนก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องรอให้มีประจำเดือน ครูก้อยจะดื่มก่อนนอนทุกคืนเลยค่ะ เพราะขิงทำให้เลือดไหลเวียนดี ทำให้ผ่อนคลายและนอนหลับลึก แม่ๆต้องนอนหลับให้เพียงพอและไม่เครียดด้วยนะคะ ตัวอ่อนน้อยๆจึงจะฝังตัวได้อย่างมั่นคง ขิงดำช่วยให้ผ่อนคลาย ลดฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวร้ายที่มีผลต่อการจัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน


ขิงดำยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบและติดเชื้อในมดลูก ทำให้มดลูกแข็งแรง หากมดลูกอักเสบ ติดเชื้อก็ส่งผลให้ตัวอ่อนไม่ฝังตัวหรือแท้งในระยะเริ่มต้นด้วยค่ะ


นอกจากนี้ยังช่วยลดกลุ่มอาการ PMS หรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนที่ฮอร์โมนกำลังแปรปรวน การดื่มขิงดำช่วยทำให้ามดุลฮอร์โมนปกติ ลดอาการตัวบวม ลดอาการปวดท้องประจำเดือน


อีกหนึ่งสรรพคุณแม่ๆอาจไม่รู้แต่ดื่มขิงดำทุกวันกลับมาแชร์กับครูก้อยว่า "ตกขาวแห้ง" "ตกขาวที่คันกวนใจหายไปเลยค่ะ" แน่นอนค่ะแม่เพราะขิงดำนั้นมันมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือจุลชีพย์ต่างๆที่เป็นตัวก่อให้เกิดอาการตกขาวที่เกิดจากเชื้อรา หรือแบคทีเรีย เกิดการอักเสบและคัน ดื่มขิงดำทุกวันอาการหายไปเลยค่ะ


ด้วยรสชาติที่เผ็ดร้อนเต็มรสขิงแม่ๆบอกว่า "ดื่มแล้วมันเร่าร้อนสะใจมากเลยครูก้อย เลือดไหลเวียนดี รู้สึกมดลูกอุ่นเลยค่ะ😁"


นี่แหละเคล็ดลับง่ายๆอีกข้อ แค่แม่ๆดื่มขิงดำทุกวัน สร้างบ้านหลังที่แสนอบอุ่น ไม่มีรอยรั่ว ไม่มีรอยร้าวเจ้าตัวน้อยก็จะมานอนอุ่นอย่างปลอดภัยในบ้านหลังนี้แน่นอนค่ะ


.


(3) ดีท็อกซ์มดลูกด้วยการแพ็คน้ำมันละหุ่ง (Castor Oil Pack)


การทำ Castor oil pack เป็นศาสตร์ทางตะวันตกที่มีการทำกันมาเป็นพันๆปีเพื่อบำบัด หรือ ดีท๊อกซ์มดลูก รวมถึงอวัยวะภายในทั้งรังไข่ ลำไส้ ตับอ่อนและตับถุงน้ำดี โดยการใช้น้ำมันละหุ่งทาบริเวณหน้าท้องและประคบด้วยถุงน้ำร้อน


การทำ Castor oil pack จะช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์เพราะช่วยเสริมสร้างสุขภาพมดลูก สร้างสุขภาพที่ดีให้รังไข่ กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น รวมถึงระบบเหลืองและระบบฮอร์โมนที่ดีขึ้น หลายคนที่มีปัญหาเรื่องท่อนำไข่ตัน ช็อกโกแลตซีสต์ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ถุงน้ำในรังไข่ ซึ่งจัดเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลให้มีบุตรยากรวมถึงผู้หญิงหลายคนที่ระบบการไหลเวียนเลือดไม่ดี เลือดข้นเหนียว หรือระบบน้ำเหลืองที่ไม่ดี มีสารพิษ สารเคมีตกค้างในร่างกาย หรือหลายคนใส่ตัวอ่อนมาหลายครั้งก็ฝังตัวไม่ได้ควรหันมาลองทำ Castor oil pack ค่ะ


มีแม่ท่านหนึ่งแชร์ให้ครูก้อยฟังว่า...เขาท่อนำไข่ตันสองข้างแต่ตอนนี้ท้องธรรมชาติได้ ครูก้อย งง ปน อะเมซิ่งมาก ครูก้อยสัมภาษณ์คุณแม่ท่านนี้ในรายการสักวันฉันจะเป็นแม่ และเคยออนแอร์ไปแล้ว เขาไปฉีดสีท่อนำไข่ ปรากฏว่าท่อนำไข่ตันทั้ง 2 ข้าง แต่เขาตั้งใจบำรุงอาหารตามคัมภีร์ครูก้อย บวกกับการทำ Castor Oil Pack เพื่อเตรียมความพร้อมจะไปทำเด็กหลอดแก้ว ปรากฏว่า!!! น้องมาเฉยเลยค่ะ มาแบบธรรมชาติ ครูก้อยก็งงมากๆ ท่อนำไข่ตัน ท้องเองได้ไง?! ไม่ใช่เพราะละหุ่ง ก็คงเพราะมีความผิดพลาดในการตรวจ


แม่ๆหลายคน บอกว่าดีมาก แล้วส่งภาพตอนตัวเองทำ Castor Oil Pack มาให้ครูก้อยดู แล้วบอกว่า...เขาเคยมีช็อกโกแลตซีสต์ขนาดใหญ่ ที่มดลูก จนหมอนัดผ่าตัดเอาออกก่อนไปทำหลอดแก้ว เขาได้มาเจอครูก้อยได้รู้เทคนิควิธีแพ็คน้ำมันละหุ่งตามที่ครูก้อยแนะ ทำอยู่ 2 รอบเดือน ไปอัลตราซาวด์อีกครั้ง ช็อกโกแลตซีสของเขามีขนาดเล็กลงอย่าเห็นได้ชัด และที่น่าดีใจกว่านั้นคือ เขาไม่ต้อง


ผ่าตัด ก็เข้าสู่การทำเด็กหลอดแก้วได้เลย เตรียมผนังรอบเดียวผ่าน ผนังสวย ใสเป็นวุ้นเลยค่ะ ใส่ตัวอ่อนรอบเดียวก็ท้องสมใจ


อีกคนอัดคลิปส่งมาขอบคุณครูก้อยเลยค่ะ พอเจอ 2 ขีด เขาเป็น PCOS ถุงน้ำในรังไข่ ไข่ไม่ตกเรื้อรัง ก็นำเทคนิคนี้ไปใช้ ผลปรากฏคือ จากรอบเดือนยาว รอบเดือนกลับมาเป็นปกติขึ้น ไข่ตกดีขึ้น และเขาก็ท้องธรรมชาติหลังจากรอคอยมา 7 ปี


การแพ็คน้ำมันละหุ่งจึงเป็นเคล็ดที่ไม่ลับที่ครูก้อยแนะนำจริงๆค่ะ เคลียร์บ้านให้สะอาดไว้ต้อนรับตัวอ่อนน้อยๆให้นอนอุ่นๆอย่างปลอดภัย...


.

.


3 วิธีดีท๊อกซ์มดลูกคือ "เคล็ดลับติดลูกง่าย" ทำได้ง่ายๆที่บ้าน เป็นขั้นตอนที่แม่ๆ ไม่ควรมองข้ามและควรเตรียมมดลูกให้พร้อมที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์นะคะ


📱ชมครูก้อย Live เตรียมผนังมดลูกอย่างไรให้ใส่ตัวอ่อนรอบเดียวผ่าน

คลิกชมเลยค่ะ →

https://youtu.be/oZ9t5hig31U


.


4.สเปิร์ม


ปัญหาการมีบุตรยากสาเหตุมาจากฝ่ายชายถึง 40% ดังนั้นหากคู่ของเราทำยังไงก็ไม่ท้องสักที อย่าโทษฝ่ายหญิงฝ่ายเดียวค่ะ เพราะการตั้งครรภ์ต้องการสเปิร์มจากคุณสามีด้วย หากสเปิร์มด้อยคุณภาพ โอกาสที่จะเข้าปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ก็ต่ำลง โอกาสท้องก็ต่ำลงเช่นกันค่ะ


ดังนั้นหากคู่ของคุณกำลังประสบปัญหามีบุตรยาก ควรจะจูงมือคุณสามีไปตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ (Semen Analysis) ด้วยนะคะ โดยเกณฑ์การวัดคุณภาพของอสุจิมีดังนี้


(1) ปริมาตรของน้ำเชื้อที่หลั่ง ต้องหลั่งได้ไม่น้อย


กว่า 1.5 cc. ต่อการหลั่ง 1 ครั้ง


(2) จำนวนสเปิร์ม ต่อการหลั่ง 1 ครั้ง ต้องไม่น้อยกว่า 15 ล้านตัวต่อ 1 cc.


(3) อัตราการเคลื่อนไหวของสเปิร์ม ต้องมีเปอร์เซ็นการเคลื่อนไหวไม่ต่ำกว่า 40%


(4) รูปร่างของสเปิร์ม ต้องมีรูปร่างสมบูรณ์ ปกติไม่น้อยกว่า 4 %


ดังนั้นหากในการทำการบ้านแต่ละครั้ง ถึงแม้ว่าคุณสามีจะหลั่งมากก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าในน้ำอสุจิที่หลั่งออกมานั้นจะมีจำนวนตัวสเปิร์ม

อยู่มาก หรือ ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนตัวสเปิร์มมากถึงเกณฑ์ แต่ออกมาแล้วนอนนิ่งไม่ว่ายไปหาไข่ แบบนี้แพทย์จะเรียกว่า "เชื้อตาย"ค่ะ ถึงแม้มีมากแต่เชื้อตาย...โอกาสท้องก็ลดลงนั่นเองค่ะ



👉แล้วจะทำอย่างไรให้สเปิร์มแข็งแรง?


จากงานวิจัยหลายฉบับพบว่า การรับประทานอาหาร


การออกกำลังกาย และการพักผ่อนที่เพียงพอ การลดพฤติกรรมทำลายสเปิร์ม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้สเปิร์มมีคุณภาพดีขึ้น


โดยเฉพาะการรับประทานอาหารนั้นสำคัญมาก

มีงานวิจัยศึกษาพบว่า.....มีอาหารที่มีสรรพคุณในการช่วยปรับปรุงคุณภาพสเปิร์ม ช่วยเพิ่มจำนวนตัว การเคลื่อนไหว และ ปรับปรุงรูปร่างสเปิร์มให้สมบูรณ์ขึ้น ได้แก่ สารต้านอนุมูลอิสระเซซามีน จากงาดำ

เบต้าแคโรทีน จากแครอท ไลโคปีน จากมะเขือเทศ

ฟีลกูลีน จากน้ำอินทผลัม สารต้านอนุมูลอิสระฟีนอลิคในน้ำผึ้งชันโรง หรือ รากปลาไหลเผือก การทานแร่ธาตุ Zinc ซึ่งมีมากในเมล็ดฟักทอง เป็นต้น


.

.


การมีบุตรยากมีสาหตุมาจากหลายปัจจัย ดังนั้นนอกจากดูแลบำรุงร่างกายของตัวเองให้สมบูรณ์แข็งแรงแล้วควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเช็คให้ละเอียด เพื่อจะได้ทราบทุกปัญหาและหาวิธีการรักษาที่ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ

_____________________________________________


📱ชมรายการครูก้อยพบแพทย์ ปัญหาจากฝ่ายชายมาจากส่วนไหนที่ทำให้ภรรยาไม่ท้อง

คลิกชมเลยค่ะ →


https://youtu.be/5gLvtB9IS78

_____________________________________________



5.โภชนาการและพฤติกรรม


คู่สมรสที่กำลังพยายามมีเบบี๋ เช็คด่วนค่ะว่าเรายังทำพฤติกรรมเหล่านี้อยู่หรือไม่!?


ลด ละ เลิก ด่วน‼️เพราะมันส่งผลร้ายต่อเซลล์ไข่


และสเปิร์ม...จะมีเบบี๋ไม่ใช่แค่ทำการบ้านถี่ แต่ต้องดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเพิ่มคุณภาพให้ไข่และสเปิร์ม...เพิ่มโอกาสท้องง่ายขึ้นค่ะ


.


(1) ไม่ออกกำลังกาย


ขยับตัวด่วนค่ะ! คู่ไหนขี้เกียจออกกำลังกาย ชวนกันกิน แต่ไม่ชวนกัน exercise เสี่ยงท้องยากค่ะ ไม่ออกกำลังกายส่งผลให้ฮอร์โมนเพศไม่สมดุล น้ำหนักเกิน ไข่ไม่ตก


📚จากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนท้องยากกว่าผู้หญิงที่น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติถึง 2 เท่า


ส่วนผู้ชายที่อ้วน ส่งผลต่อการลดลงของคุณภาพสเปิร์มทั้งในด้านจำนวน และ การวิ่ง ฮอร์โมนเพศชายต่ำ ร่างกายอักเสบส่งผลต่อการผลิตสเปิร์มที่ไม่มีคุณภาพ


.



(2) ติดของหวาน


หากอยากเป็นคุณพ่อคุณแม่ ต้องเลิกทานหวานเด็ดขาด อย่างน้อยก็ห่างกันสักพักในช่วงปั๊มลูก


น้ำตาลเป็นภัยร้ายที่สุดต่อไข่และสเปิร์ม ทำให้ร่างกายอักเสบ และเซลล์เสื่อม เพราะมันไปเพิ่มอนุมูลอิสระให้กับร่างกาย


ผู้หญิงติดหวาน เมื่อร่างกายได้รับกลูโคสมากเกินไป เอาไปใช้ไม่ทัน อาจเกิด "ภาวะดื้ออินซูลิน" เหนี่ยวนำให้ฮอร์โมนเพี้ยน มีฮอร์โมนเพศชายมากกว่าเพศหญิง ส่งผลต่อภาวะ PCOS ไข่ไม่ตกเรื้อรัง ประจำเดือนยาว ประจำเดือนขาดหาย ไข่ใบเล็ก ไข่ด้อยคุณภาพ


ผู้ชายก็เช่นกัน น้ำตาลทำให้ร่างกายอักเสบ ส่งผลต่อการผลิตสเปิร์มที่ด้อยคุณภาพ


.


(3) ชอบทาน Junk Food


คู่ไหนติดของมัน ของทอด เน้นแป้ง เน้นไขมัน ต้องเลิกค่ะ พฤติกรรมแบบนี้ท้องยากแน่นอน เพราะสิ่งที่กินคือ "ไขมันทรานส์" ตัวร้ายที่สุดที่จะทำลายสุขภาพ เพิ่มคอเลสเตอรอล เส้นเลือดอุดตัน ฮอร์โมนเพศไม่สมดุล


📚มีงานวิจัยศึกษาพบว่า คู่สามีภรรยาที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงจะใช้เวลานานกว่าในการที่จะตั้งครรภ์


และถึงแม้ฝ่ายหญิงมีคอเลสเตอรอลสูงฝ่ายเดียว โดยฝ่ายชายมีระดับคอเลสเตอรอลปกติก็ยังส่งผลต่อการตั้งครรภ์ที่ยากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับคู่สมรสที่ทั้งคู่มีระดับคอเลสเตอรอลปกติ


.


(4) สูบบุหรี่


ถ้าจะมีเบบี๋ เลิกตั้งแต่ตอนนี้ค่ะ ส่งผลต่อการมีบุตรยากเพิ่มขึ้น 60%



📚มีการศึกษามากมายที่พบว่า การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อคุณภาพของเชื้ออสุจิ โดยทำให้ความเข้มข้นของเชื้ออสุจิลดลง การเคลื่อนที่ของเชื้ออสุจิแย่ลง ทำให้เชื้ออสุจิที่มีรูปร่างปกติมีจำนวนลดลง และทำให้ DNA ภายในเซลล์อสุจิเกิดความเสียหายได้ ดังนี้


สำหรับฝ่ายหญิงนั้น การสูบบุหรี่ส่งผลให้มีลูกยากได้กว่าผู้หญิงทั่วไปถึง 3 เท่า เพราะในบุหรี่มีสารพิษมากมายที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ยับยั้งให้ไข่ไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ตกไข่ช้า


และยังมีส่วนช่วยลดประสิทธิภาพของมดลูกที่เป็นที่ฝังของตัวอ่อนอีกด้วย นอกจากนี้บุหรี่ยังทำให้ผู้หญิงถึงวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) เร็วกว่าปกติถึง 2 ปี และทำให้กระดูกผุหรือเปราะเร็วขึ้นอีกด้วย


.


(5) ดื่มแอลกอฮอล์


อยากท้องอย่าชวนกันดื่มค่ะ การดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 2 แก้วต่อวันส่งผลต่อการมีบุตรยากเพิ่มขึ้น 60%


แอลกอฮอล์ไม่ว่าจะได้จากการดื่มเหล้า ไวน์หรือเบียร์นั้น จะส่งผลต่อการผลิตสเปิร์ม ทำให้ผลิตสเปิร์มได้น้อย และสเปิร์มที่ผลิตออกมาไม่มีคุณภาพ มีรูปร่างผิดปกติ ซึ่งไม่สามารถเข้าไปเจาะไข่ได้ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะมีบุตรยากค่ะ


สำหรับผู้หญิงนั้น การดื่มแลกิฮอล์มากเกินไป ส่งผลให้เกิดภาวะผิดปกติของระบบฮอร์โมนต่อมใต้สมองและฮอร์โมนที่ควบคุมการทำงานของรังไข่ เกิดความผิดปกติของช่วงเวลาการตกไข่และระยะเวลาครึ่งเดือนหลังตกไข่ ที่เรียกว่าระยะ "ลูเตียลเฟส" ซึ่งผนังมดลูกจะฟอร์มตัวหนาขึ้นเพื่อรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากเยื่อบุโพรงมดลูกเกิดความผิดปกติ การฝังตัวของตัวอ่อนจะไม่สมบูรณ์ อาจเกิดการแท้งได้


.


(6) คอกาแฟ


คอกาแฟ ดื่ม เช้า สาย บ่าย เย็น ต้องลดค่ะ การดื่มคาเฟอีนมากกว่า 250 mg ต่อวันส่งผลต่อการมีบุตรยากเพิ่มขึ้น 45%


หากจะดื่มก็ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ได้แก่วันละ 1 แก้ว (250-300 mg) ต่อวันค่ะ


.


(7) นอนดึก นอนน้อย


อย่าชวนกันดูซีรีย์จนอดหลับอดนอน หรือคุณผู้ชายติดเกมส์จนโต้รุ่ง ทำงานก็เหนื่อยแล้ว ต้องจัดเวลานอนให้เป็นเวลา "ไม่นอนดึก" และ "นอนให้เพียงพอ" อย่างน้อยวันละ 8 ชม.


📚มีงานวิจัยศึกษาพบว่า...ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย สมองส่วนที่ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เราหลับ หรือ ตื่น เช่น ฮอร์โมนเม


ลาโทนิน และ คอติซอล เป็นสมองส่วนที่กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเพศด้วยเช่นกัน ดังนั้นฮอร์โมนที่ควบคุมการตกไข่ในผู้หญิง และ ฮอร์โมนที่ควบคุมการผลิตสเปิร์มในผู้ชายจึงมีความสัมพันธ์กับคุณภาพของการนอนหลับด้วย


โดยในผู้หญิงนั้น การนอนไม่เพียงพอในระยะยาวส่งผลโดยตรงต่อการสร้าง Luteinizing Hormone (LH) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมาในช่วงที่จะมีการตกไข่ มีผลทำให้รังไข่ปล่อยไข่ออกมาเพื่อรอการปฏิสนธิ LH เป็นฮอร์โมนหนึ่งที่จะหลั่งออกมาในช่วงที่มีการตกไข่ของรอบเดือนนั้นๆ หากฮอร์โมน LH ผิดปกติก็จะส่งผลต่อรอบเดือนที่


ไม่ปกติ ส่งผลให้ไข่ไม่ตก หรือ ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ



ส่วนในผู้ชายนั้น มีงานวิจัยศึกษาพบว่า...การนอนที่เพียงพอนั้นควรนอนหลับ 7-8 ชม.ต่อวัน ผู้ชายที่นอนน้อยกว่า 6 ชม.หรือ นอนมากกว่า 9 ชม.ต่อวัน ส่งผลต่อโอกาสในการทำให้คู่ของตนเองตั้งครรภ์ลดลง 42% ในแต่ละรอบเดือน!




(8) เครียดบ่อยสะสม


ยิ่งเครียดเท่าไหร่ ยิ่งท้องยากขึ้น!

📚จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่มีความกังวลและจมกับความเครียดส่งผลให้ตั้งครรภ์ยากสูงถึง 20%


มีผลวิจัยชิ้นหนึ่งได้สุ่มทดลองกับผู้หญิงที่อยากมีบุตรจำนวน 501 คน โดยนำน้ำลายไปตรวจสอบเพื่อวัดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) และแอลฟา-อะไมเลส (Alpha-amylase) สารสำคัญ 2 ชนิดที่จะสื่อได้ว่า เรามีความเครียดมากน้อยแค่ไหน ผลการศึกษาพบว่า....



ผู้หญิงที่ถูกค้นพบว่ามีสารสำคัญ 2 ชนิดนี้ในปริมาณที่สูง แปลได้ว่ามีความเครียดพอสมควร จะมีแนวโน้มตั้งครรภ์ยากตามไปด้วย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แสดงความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อผู้หญิงเกิดความเครียด #การตกไข่ก็จะผิดปกติ ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และเมื่อไข่ไม่ตก โอกาสท้องก็ลดน้อยลงนั่นเองค่ะ


ดังนั้นแม่ๆต้องหาโอกาสผ่อนคลาย ลดความเครียด วันนี้ครูก้อยจะพาไปดูกิจกรรมผ่อนคลาย ลดเครียด เพื่อเพิ่มโอกาสท้องกันค่ะ


.

.


รู้อย่างนี้แล้วต้องชวนกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย เลิกพฤติกรรมเสี่ยงทั้งหลาย....เพื่อสร้าง "วัตถุดิบตั้งต้น" ไข่ + สเปิร์ม ให้มีคุณภาพ...เพื่อเบบี๋ตัวน้อยของเราในอนาคตค่ะ


ดู 74 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page