ท้องแล้ว! ดื่มน้ำผลไม้ได้ไหม? รวม 6 น้ำผลไม้บำรุงคุณแม่ ส่งต่อสารอาหารไปยังลูกน้อย
- BabyAndMom.co.th
- 11 มิ.ย.
- ยาว 2 นาที

แม่ท้องแล้วสามารถดื่มน้ำผลไม้ได้ไหม? ถ้าดื่มมากไปจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดหรือเปล่า? น้ำผลไม้แบบไหนที่สามารถดื่มได้?
ครูก้อยเชื่อว่าแม่ๆหลายคนที่ตั้งครรภ์แล้ว คงจะมีความกังวลเป็นพิเศษเรื่องอาหารการกิน รวมถึงเครื่องดื่มน้ำผลไม้ในช่วงเวลาตั้งครรภ์ว่าจะส่งผลต่อลูกน้อยหรือเปล่า คำตอบก็คือสามารถดื่มได้ค่ะ แต่ต้องเลือกให้ถูกต้องเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อแม่และลูกน้อยในครรภ์
ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ถึงควรดื่มน้ำผลไม้?
เพราะน้ำผลไม้จากธรรมชาติเป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ที่ร่างกายต้องการสารอาหารหลากหลายเพื่อ เสริมการสร้างรกและพัฒนาการของทารก ลดความเสี่ยงภาวะโลหิตจาง ปรับสมดุลฮอร์โมนและระบบขับถ่าย เสริมภูมิคุ้มกันแม่และลูก
● มีน้ำผลไม้อะไรที่ติด 6 Top list ครูก้อยบ้างไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
1. น้ำทับทิม
น้ำทับทิมมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวสดชื่น กลิ่นหอมเฉพาะตัว ดื่มง่ายและเหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องการความสดชื่นระหว่างวัน ภายในน้ำทับทิมอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ เช่น โพลีฟีนอล (Polyphenols) แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) วิตามินซี โพแทสเซียม และ กรดโฟลิก ซึ่งล้วนมีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ เสริมระบบไหลเวียนโลหิต และสนับสนุนการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
จากงานวิจัย Pomegranate juice and punicalagin attenuate oxidative stress and apoptosis in human placenta and in human placental trophoblasts ที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Physiology-Endocrinology and Metabolism ปี 2012 ศึกษาพบว่า น้ำทับทิมอาจมีศักยภาพในการต้านสารอนุมูลอิสระ และการตายของเซลล์โทรโฟบลาสต์ในรกที่เกิดจากการกระตุ้นต่างๆ ลดความเสี่ยงของภาวะรกเสื่อมก่อนกำหนด และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในการตั้งครรภ์
นอกจากนี้กรดโฟลิกในน้ำทับทิมยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาหลอดประสาทของทารก (Neural Tube) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของความพิการแต่กำเนิดได้อีกด้วยค่ะ
หากคุณแม่เลือกดื่มน้ำทับทิม ควรเลือก น้ำทับทิม 100% ที่ไม่เติมน้ำตาลและไม่เจือสีหรือสารกันบูด ดื่มประมาณ 1 แก้วต่อวัน (150–200 ml) ก็เพียงพอ เนื่องจากแม้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง แต่ก็มีน้ำตาลจากธรรมชาติอยู่มาก ควรดื่มหลังอาหารหรือในช่วงเช้าเพื่อช่วยเรื่องการดูดซึมและไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งค่ะ
2. น้ำมะเขือเทศ
น้ำมะเขือเทศมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีกลิ่นเฉพาะตัวที่หลายคนคุ้นเคย ดื่มง่ายโดยเฉพาะเมื่อนำไปแช่เย็น น้ำมะเขือเทศอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ เช่น ไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ วิตามินซี โฟเลต และ โพแทสเซียม โดยเฉพาะไลโคปีนที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกายและป้องกันความเสียหายของเซลล์จากอนุมูลอิสระ
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ น้ำมะเขือเทศมีประโยชน์ในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ และช่วยลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ ขณะเดียวกันสารโฟเลตในมะเขือเทศยังมีส่วนช่วยในกระบวนการพัฒนาระบบประสาทและสมองของลูกในครรภ์ ลดโอกาสการเกิดภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (Neural Tube Defects) ซึ่งเป็นความผิดปกติที่พบในทารกแรกเกิดได้อีกด้วยค่ะ
หากคุณแม่เลือกดื่มน้ำมะเขือเทศ ควรเลือก น้ำมะเขือเทศสกัดเย็น หรือแบบพาสเจอร์ไรซ์ที่ไม่เติมเกลือหรือผงชูรส ดื่มประมาณ 1 แก้วเล็กต่อวัน (100–150 ml) ก็เพียงพอ เพื่อป้องกันการได้รับโซเดียมมากเกินไป
3. น้ำส้มคั้น
น้ำส้มคั้น รสหวานอมเปรี้ยวจากธรรมชาติ เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมของคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะดื่มง่าย สดชื่น และอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น เช่น วิตามินซี กรดโฟลิก โพแทสเซียม และ ฟลาโวนอยด์ วิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก (Iron) ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์ ส่วนกรดโฟลิกมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบประสาทของทารก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (Neural Tube Defects)
นอกจากนี้ ในน้ำส้มยังมีสารสำคัญอย่าง เฮสเพอริดิน (Hesperidin) และ นารีนิน (Naringenin) ซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory) และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทั้งยังมีส่วนช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต และบำรุงหลอดเลือดให้แข็งแรง จึงถือเป็นเครื่องดื่มธรรมชาติที่เหมาะอย่างยิ่งกับคุณแม่ที่ต้องการบำรุงร่างกายในทุกช่วงของการตั้งครรภ์ค่ะ
หากคุณแม่เลือกดื่มน้ำส้ม ควรเลือกน้ำส้มคั้นสด ไม่เติมน้ำตาล ไม่ผสมน้ำ และไม่ใช่น้ำส้มกล่อง ดื่มประมาณ 1 แก้วต่อวัน (120–150 ml) ก็เพียงพอ วิตามินซีในน้ำส้มจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี แนะนำให้ดื่มพร้อมอาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น เนื้อแดงหรือธัญพืชค่ะ
4. น้ำมะพร้าว
น้ำมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในช่วงตั้งครรภ์ เพราะมีรสชาติหวานสดชื่นและอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อทั้งแม่และทารกในครรภ์ น้ำมะพร้าวมี โพแทสเซียม (Potassium) ในปริมาณสูง ช่วยรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย ลดความเสี่ยงจากภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ นอกจากนี้ น้ำมะพร้าวยังช่วยเติมน้ำให้กับร่างกายในวันที่อากาศร้อน ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น และบรรเทาอาการขาบวมได้
น้ำมะพร้าวยังมี กรดลอริค (Lauric Acid) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยป้องกันการติดเชื้อในแม่และทารกในครรภ์ นอกจากนี้ยังมี วิตามินซี (Vitamin C) ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทั้งคุณแม่และทารก อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวให้ดูสุขภาพดีและช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้อีกด้วยค่ะ
หากคุณแม่เลือกดื่มน้ำมะพร้าว ควรเลือกแบบ น้ำมะพร้าวสด ไม่เติมน้ำตาล และไม่ควรดื่มในปริมาณมากเกินไป (ประมาณ 1 ลูกต่อวันก็เพียงพอ) เพื่อป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูง และควรหลีกเลี่ยงน้ำมะพร้าวที่บรรจุขวดพร้อมดื่มซึ่งมักมีสารปรุงแต่งหรือน้ำตาลแฝงอยู่ค่ะ
5. น้ำแอปเปิ้ลเขียว
น้ำแอปเปิ้ลเขียว รสเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่น และยังให้พลังงานต่ำ เหมาะกับคุณแม่ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือมีความเสี่ยงต่อเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus) จุดเด่นของแอปเปิ้ลเขียวคือมี ไฟเบอร์ (Dietary Fiber) สูง ช่วยปรับสมดุลลำไส้และบรรเทาอาการท้องผูกที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ พร้อมทั้งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
นอกจากนี้ยังอุดมด้วย วิตามินซี (Vitamin C) ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ และมีบทบาทในการดูดซึมธาตุเหล็ก (Iron absorption) ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงในแม่ตั้งครรภ์ ป้องกันภาวะโลหิตจาง (Anemia) ที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกได้อีกด้วย
คุณแม่ควรเลือกแบบน้ำแอปเปิ้ลเขียวสกัดสด ที่ไม่เติมน้ำตาลหรือสารแต่งกลิ่น ดื่มวันละประมาณ 1 แก้ว (120–150 ml) ช่วงเช้าหรือหลังอาหาร เพื่อช่วยระบบย่อยและเพิ่มการดูดซึมวิตามินค่ะ หากเลือกแบบแยกกาก จะได้รับไฟเบอร์มากขึ้น ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้ดีอีกด้วย
6. น้ำมะกรูดผสมน้ำผึ้งชันโรง
น้ำมะกรูดผสมน้ำผึ้งชันโรง เป็นเครื่องดื่มที่ให้ทั้งความสดชื่นและคุณค่าทางสุขภาพ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องการดูแลลำไส้ ภูมิคุ้มกัน และการดูดซึมสารอาหารระหว่างตั้งครรภ์ มะกรูด (Kaffir lime) มีกรดซิตริกธรรมชาติ (Citric acid) ซึ่งช่วยกระตุ้นน้ำย่อยและระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และกระตุ้นการขับถ่ายอย่างอ่อนโยน ในขณะเดียวกัน น้ำผึ้งชันโรง (Stingless bee honey) ซึ่งอุดมด้วยโพลีฟีนอล (Polyphenols) และสารต้านจุลชีพตามธรรมชาติ (Antimicrobial compounds) จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้
ลำไส้ที่ดี = การดูดซึมสารอาหารที่ดี และในแม่ตั้งครรภ์ การดูดซึมที่มีประสิทธิภาพมีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ รวมถึงการสร้างเลือด ฮอร์โมน และพลังงานให้กับแม่ ชันโรงยังมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่แสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ และอาจช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้ในทางอ้อม
ท้องแล้วแนะนำคุณแม่เลือก น้ำมะกรูดผสมน้ำผึ้งชันโรงวันละ 1 ขวด ที่อาจมีส่วนช่วยปรับสมดุลลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกันอย่างเป็นธรรมชาติได้ค่ะ
เพราะสุขภาพที่ดีของลูกน้อยเริ่มต้นจากแม่ ดังนั้นการเลือกดื่มน้ำผลไม้ในช่วงที่ตั้งครรภ์แล้ว ควรเลือกชนิดที่เหมาะสม ดื่มในปริมาณที่พอดี และเลือกแบบสดใหม่ไร้น้ำตาล นอกจากนี้แม่ที่ตั้งครรภ์แล้วควรได้รับสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอ เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับแม่และลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพที่ดีจนถึงวันคลอดค่ะ
Comments